นายคันธนิทิ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานด้านธุรกิจสัมพันธ์ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง(SCCC)เปิดเผยว่า ในปี 53 คาดว่ายอดขายน่าจะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบปีก่อน ตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 3% ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทปีนี้น่าจะดีทั้งในแง่ของยอดขาย รวมทั้งบริษัทยังมีแผนการลดต้นทุน
ไตรมาส 1/53 ปริมาณการขายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่มีการตัดราคาขายค่อนข้างสูง จึงทำให้ยอดขายทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 1/52 แต่คาดว่าไตรมาส 2/53 ยอดขายจะปรับสูงขึ้นจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดที่สูงขึ้น จากโครงการลงทุนของภาครัฐ ทั้งโครงการลงทุนไทยเข้มแข็ง และโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง
"วันนี้พบว่าการชุมนุมทางการเมืองเริ่มมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งหากยืดเยื้อและมีความรุนแรงมากขึ้น อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น" นายคันธนิทิ์ กล่าว
ส่วนไตรมาส 2/53 คาดความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะปรับสูงขึ้น แม้จะมีปัญหาการเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ชะลอตัว และช่วง 2-3 สัปดาห์ที่มีการชุมุนมทางการเมือง ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายปูนซีเมนต์ของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปี 53 บริษัทยังคงเน้นรักษาส่วนแบ่งการตลาดปูนซีเมนต์ที่ 28% ซึ่งในตลาดมีผู้ค้ารายใหญ่ 3-4 ราย คงเป็นเรื่องยากที่จะแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ เพราะแต่ละแห่งพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้เช่นกันแต่ทั้งนี้ มองปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจปีนี้ ขึ้นอยู่กับปัญหาการเมือง และอาจมีสถานการณ์อื่นๆ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจมองว่าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ทำให้มีโครงการลงทุนใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ราคาขายปูนซีเมนต์ปีนี้น่าทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน แม้มีการแข่งขันสูง แต่คงไม่มีการปรับลดราคาขายลงอีก อีกทั้งบริษัทคงไม่ได้มีอำนาจที่จะกำหนดราคาขายได้ เพราะขึ้นอยู่กับกลไกตลาดมากกว่า
"ปีนี้แม้ในประเทศจะไม่สงบ แต่บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ถือหุ้นภาคภูมิใจว่า บริษัทยังมีผลประกอบการที่ดี และให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้"นายคันธนิทิ์ กล่าว