SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 789.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.73 จุด(+0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 24,116.47 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนตามสถานการณ์การเมืองตลอดวัน ในที่สุดก็กลับมาปิดตลาดได้ในแดนบวก หลังจากเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและทหารที่ลาดหลุมแก้วไม่รุนแรงมากนัก แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เพราะเริ่มมีผลต่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น คาดวันจันทร์ยังคงแกว่งตัวผันผวนใกล้เคียงกับวันนี้ โดยมีแนวรับ 784 775 แนวต้าน 790 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 789.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.73 จุด(+0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 24,116.47ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาดก่อนจะดีดขึ้นมาแกว่งตัวสลับบวกและลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 789.66 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 775.21 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 215 หลักทรัพย์ ลดลง 104 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 136 หลักทรัพย์
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวไปตามสถานการณ์การชุมนุมทำให้มีความผันผวนตลอดทั้งวัน แต่ไม่ได้ผันผวนรุนแรงมากนัก เนื่องจากตลาดหุ้นขานรับข่าวการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปมากแล้ว และมีนักลงทุนบางกลุ่มเข้ามารับซื้อในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงไป หลังจากที่เห็นว่าการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่หน้าสถานีดาวเทียมไทยคมไม่ได้เป็นภาพที่รุนแรงมาก ทำให้ดัชนีดีดตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกได้
แต่ก็ยังต้องติดตามการชุมนุมว่ายืดเยื้อและมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ได้ เพราะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และข่าวสารต่างๆที่เผยแพร่ออกมาต่อเนื่องแต่ละวัน โดยมีความไม่แน่นอนสูงในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ขณะที่สัปดาห์หน้ายังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น ภาวะตลาดหุ้นจะเห็นชัดเจนอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ถัดไป คือในวันจันทร์ที่ 19 เม.ย.ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนในวันจันทร์ที่ 12 เม.ย.น่าจะแกว่งตัวใกล้เคียงกับวันนี้ที่มีการผันผวนตามสถานการณ์การเมืองและการนำเสนอข่าว
ตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าคาดว่าแกว่งตัวในแนวกว้าง โดยในวันจันทร์หน้าให้แนวรับแรกที่ 784 และแนวรับที่ 775 จุด แนวต้านที่ 790 จุด โดยแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไว้ก่อนเพื่อรอติดตามสถานการณ์ นักลงทุนที่มีกำไรจากการลงทุนแล้วควรถือเงินสดไว้รอจังหวะลงทุนใหม่
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,338.82 ล้านบาท ปิดที่ 269.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,649.19 ล้านบาท ปิดที่ 122.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,393.63 ล้านบาท ปิดที่ 13.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,342.49 ล้านบาท ปิดที่ 104.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,197.49 ล้านบาท ปิดที่ 97.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท