ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดลบ 3.25% โบรกฯระบุประเมินสถานการณ์ยาก ปัจจัยการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 16, 2010 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 736.16 จุด ลดลง 24.74 จุด(-3.25%) มูลค่าการซื้อขาย 29,763.30ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 750.61 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันเป็นดัชนีปิดตลาดที่ 736.16 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 62 หลักทรัพย์ ลดลง 301 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 95 หลักทรัพย์

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า จังหวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ดีนัก เพราะช่วงที่ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นตลาดหุ้นไทยปิดทำการและเมื่อเปิดซื้อวันนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มมีแรงขายทำกำไรบวกกับตลาดหุ้นที่มีปัจจัยกดดันจากปัญหาการเมืองอยู่แล้วด้วยทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรง

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิมาตั้งแต่เดือนก.พ.กว่า 6 หมื่นล้านบาท ยังคงขายสุทธิต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการประกาศพรก.ฉุกเฉินซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต่างชาติต้องลดความเสี่ยงการลงทุนลงและมีกำไรจากการลงทุนแล้วซึ่งภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อต้นเดือนมี.ค.ถือว่าดีมากและเข้าสู่จุดสูงสุด แต่เวลาไม่นานสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

"ตอนนี้ยากที่จะประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยว่าจะไปในทิศทาง ไม่สามารถกำหนดกรอบการลงทุนได้เพราะปัจจัยการเมืองยังคงเป็นตัวแปรสำคัญและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา"

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทย ณ ขณะนี้ยังคงยากต่อการประเมินสถานการณ์เนื่องจากปัญหาการเมืองยังไม่มีข้อสรุปแม้ว่าจะมีการลดพื้นที่การชุมนุมเหลือเพียงที่ราชประสงค์เท่านั้น แต่หลายฝ่ายเริ่มพูดถึงการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งต้องหาทางออกที่ดี่สุด

ทั้งนี้บล.เคจีไอได้แนะนำนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่องว่าให้ชะลอการลงทุนและถือเงินสดไว้เพื่อรอจังหวะทยอยซื้อหุ้น โดยมองว่าจังหวะซื้ออยู่ที่ดัชนีระดับ 700 จุด ที่จะคุ้มกับความเสี่ยงในการลงทุน โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยการเมืองในประเทศ ผลประกอบการและพื้นฐานบริษัทดี อาทิ หุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังคงสูงด้วย

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,238.03 ล้านบาท ปิดที่ 247.00 บาท ลดลง 9.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,442.37 ล้านบาท ปิดที่ 84.75 บาท ลดลง 7.25 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,461.20 ล้านบาท ปิดที่ 81.50 บาท ลดลง 3.50 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,450.32 ล้านบาท ปิดที่ 594.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,411.45 ล้านบาท ปิดที่ 74.00 บาท ลดลง 4.75 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ