ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/53 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) มีกำไรสุทธิ 6.4 พันล้านบาท มาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย การบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่าผลประกอบการของธนาคารสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ธนาคารตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากไปพร้อมกับธนาคาร
สำหรับไตรมาส 1/53 รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 52 จากการปรับตัวลดลงของต้นทุนทางการเงินของธนาคาร ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 18.5% จากการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มากขึ้นของลูกค้า และผลประกอบการที่ดีของบริษัทในกลุ่ม
ด้านค่าใช้จ่าย ธนาคารสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในไตรมาส 1/53 เท่ากับ 47.9% ลดลงช่วงเดียวกันของปีกอ่นที่อยู่ระดับ 48.2% คุณภาพสินทรัพย์ได้มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงมาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 1/53 เทียบกับ 1.3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/52 และที่ 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 1/52
ส่วนอัตราสัดส่วนเงินกองทุนมีความแข็งแกร่งเพื่อรองรับความไม่แน่นอนและสนับสนุนการเติบโดต โดยอยู่ที่ 16.41% เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 12.23% และเงินกองทุนขั้นที่ 2 อยู่ที่ 4.19%
ระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 4.2% ลดลงจากไตรมาส 4/52 ที่อยู่ 4.4%
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า แม้ธนาคารจะมีผลประกอบการที่น่าพอใจในไตรมาสนี้ แต่ธนาคารจะยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตของลูกค้าในบางภาคธุรกิจ ซึ่งธนาคารพร้อมที่จะใช้ทรัพยากรและให้ความช่วยเหลือดูแลลูกค้าที่อาจประสบปัญหาอย่างเต็มที่