นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 2/53 มีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ตามแนวโน้มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 2/53 หลังจากที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชนระยะสั้นน่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นเนื่องจากความต้องการของนักลงทุนยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ทางบริษัทเห็นว่าควรเน้นลงทุนในตราสารอายุไม่เกิน 6 เดือนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศ ทางบริษัทยังเห็นว่ายังเป็นการลงทุนทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจเมื่อเปรียบกับตราสารหนี้ในประเทศ เช่น การลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ยังมีส่วนต่างๆของผลตอบแทนที่มากกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 0.5-0.6% นอกจากนี้ การแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้คนใหม่ ซึ่งมีแนวคิดในการดำเนินนโยบายทางการเงินที่สอดคล้องกับกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ ในการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้ยังคงอยู่ในระดับนี้ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นจากระดับปัจจุบันอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของเกาหลีใต้จะออกมาค่อนข้างดีก็ตาม ทำให้ทางบริษัทคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 3-4/53
นายวิน กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ โดยจะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนตราสารหนี้ไทย และกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ จำนวน 5 กองทุนด้วยกัน โดยแต่ละกองทุน จะมีระยะเวลาการลงทุนที่แตกต่างกันไป เพื่อเป็นทางเลือกของผู้ลงทุน
วันที่ 26 เม.ย.53 บริษัท จะ Rollover 2 กองทุน ตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วแลกเงิน เช่น ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) และ ธนาคารธนชาต (TBANK) คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.15% ต่อปี* และกองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศ อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วเงินคลัง และตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.90%
วันที่ 28 เม.ย. บริษัทจะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (ASP-P6M3) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)) อายุประมาณ 7 เดือน คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 1.50% ต่อปี
วันที่ 29 เม.ย. บริษัทฯ จะ Rollover 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุประมาณ 1 ปี โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 1.80% ต่อปี
และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟพันธบัตร 3 (ASP-ACGOV3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ อายุประมาณ 1 ปี 3 เดือน คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 2.00% ต่อปี