ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท แอปเปิล อิงค์ และยาฮู รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซและต้นทุนการกู้ยืมในกรีซที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 12 ปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 7.86 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 11,124.92 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.23 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 1,205.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 4.30 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 2,504.61 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.001 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท แอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 49% แตะที่ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จากระดับ 9.08 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายไอโฟนที่พุ่งขึ้นเกือบ 9 ล้านเครื่อง ทำสถิติเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่าสองเท่า
นอกจากนี้ แอปเปิลรายงานว่า บริษัทมียอดขายเครื่องแมคเพิ่มขึ้น 33% แตะที่เกือบ 3 ล้านเครื่อง ส่วนยอดขายไอพอดขยับลง 1% มาอยู่ที่ระดับ 10 ล้านเครื่อง
ขณะที่ยาฮูเปิดเผยว่า บริษัททำกำไรสุทธิในไตรมาสแรกได้ 310.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 22 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้ดีดตัวขึ้น 1% แตะที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำไรของยาฮูขยายตัวขึ้นเกือบ 3 เท่า หลังรายได้จากการขายโฆษณาออนไลน์ดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี
ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นหลังจากบริษัท โบอิ้ง โค รายงานผลประกอบการไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ทางบริษัทยังวางแผนที่จะส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ภายในปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลปิดพุ่ง 6% หุ้นโบอิ้งปิดบวก 3.9%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ และต้นทุนการกู้ยืมของกรีซที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อสรุปในการให้ความช่วยเหลือกรีซทั้งจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ทั้งนี้ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับกรีซทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปเป็นไปอย่างล่าช้า นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.