นางศิรพร กฤษณกาจนญ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ระยองเพียวริไฟน์(RPC) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปี 53 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรอย่างน้อยในระดับปกติที่ 200-300 ล้านบาท ส่วนยอดขายขึ้นอยู่กับปริมาณการขายน้ำมัน รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่ง บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงมีเสถียรภาพ และไม่น่ามีสถานการณ์ราคาน้มันผันผวนเหมือนกับปี 51 ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทที่ทำให้เกิดปัญหาการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน
ในช่วงไตรมาส1/53 บริษัทคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะออกมาดีเช่นเดียวกับบริษัทที่ทำธุรกิจพลังงานรายอื่น แนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนค่าการตลาดยังคงเป็นบวก
นางศิรพร กล่าวถึงการออก TDR (Taiwan Depositary Receipts)ที่ประเทศไต้หวันว่า อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารและให้ที่ปรึกษาทางการตรวจสอบกิจการภายในของบริษัท ซึ่งข้อมูลมีค่อนข้างมารวมทั้งต้องมีการแปลเอกสารเป็นภาษาจีนซึ่งใช้เวลามาก ดังนั้นกว่าจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไต้หวันได้คงเป็นช่วงไตรมาส 4/53 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 2/53 ถึงต้นไตรมาส 3/53
และกว่าที่สำนักงาน ก.ล.ต.ไต้หวันจะพิจารณาแล้วเสร็จ ก็คาดว่าจะสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้ในช่วงต้นปี 54
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขาย TDR คาดว่าจะได้ประมาณ 1 พันล้านบาท จะนำไปลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจพลังงานและพลังงานทดแทน ทั้งเป็นการลงทุนเอง ร่วมทุน และต่อยอดบริษัทลูก คือ เพียวไบโอดีเซล ซึ่งขณะนี้ศึกษาอยู่หลายรูปแบบและมีการเจรจาอยู่หลายราย ยังไม่มีข้อสรุปขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา
ทั้งนี้ ที่ชัดเจนคือการต่อยอดธุรกิจของเพียวไบโอดีเซลโดยลงทุนด้านกรีเซอรีน และบริษัทยังมองโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศด้วย หลังจากไปร่วมทุนกับพันธมิตรที่ประเทศจีนในส่วนของการผลิตน้ำมันเครื่อง