นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)คาดผลประกอบการไตรมาส 1/53 น่าจะออกมาดี เพราะภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้มียอดเช่าพื้นที่ทั้งในส่วนโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46,000 ตร.ม.แบ่งเป็นพื้นที่โรงงาน 24,000 ตร.ม.และคลังสินค้า 22,000 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 52 ทั้งปีที่มีอัตราเช่าพื้นที่อยู่ที่ 35,000 ตร.ม.
และ ยังมองแนวโน้มการเช่าพื้นที่ในไตรมาส 2/53 ก็ยังน่าจะดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 หรืออาจจะใกล้เคียงกัน ซึ่งถึงแม้ว่าการเช่าพื้นที่จะเติบโตขึ้น แต่ในแง่ของราคาค่าเช่าคงจะปรับเพิ่มขึ้นได้ลำบาก เพราะหลายคนบอกธุรกิจดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นก็จริง แต่ผู้ประกอบการหรือลูกค้าแต่ละคนก็จะมุ่งลดต้นทุน
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทก็ยังมองหาซื้อที่ดินเพิ่มอีกหลายแหล่งเพื่อลงทุนสร้างคลังสินค้า ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้ซื้อที่ดินจากนิคมอุตสาหกรรม บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA)และ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA)เนื่องจากมองแนวโน้มในอนาคตผู้ประกอบการน่าจะนิยมการเช่าพื้นที่มากกว่าการลงทุนสร้างโรงงานเอง ขณะที่คลังสินค้าที่แหลมฉบังปัจจุบันนี้พื้นที่ให้เช่าก็เต็มหมดแล้ว คงต้องหาทำเลอื่น เพราะพื้นที่ใกล้ๆกันไม่มีเหลือแล้ว
ส่วนการขยายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND) ตอนนี้อยู่ระหว่างหารือกับ บลจ.บัวหลวง ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน โดยขณะนี้มีการประเมินราคาสินทรัพย์ที่จะขายให้กับกองทุนฯ แล้ว เหลือเพียงการเรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนเร็ว ๆนี้ โดยคาดว่าจะขายโรงงานเข้า TFUND ประมาณ 35 โรงงานหรือมูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านบาท และน่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในไตรมาส 3/53
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 53 เติบโตขึ้นมาแตะ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,600 ล้านบาทในปี 52 โดย รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายโรงงานเข้า TFUND เพราะสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ปัจจุบันยังไม่มากนัก
สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง ในระยะอันใกล้นี้ยังไม่น่ามีผลกระทบ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าที่เช่าพื้นที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการเช่า เพราะพื้นที่ทั้งหมดไม่ได้อยู่ในกทม.โดยส่วนใหญ่อยู่แถว จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ตราบใดที่ยังสามารถส่งออกและนำเข้าได้ตามปกติก็คคงไม่มีปัญหา