โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM) มองกำไรไตรมาส 2/53 โดดเด่นหลังราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้ ล่าสุดมาที่ 21,500-22,500 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 19,000-19,500 บาท/ตัน ขณะที่ต้นทุนต่ำตามเหล็กในสต็อก ส่งผลดีต่อการยอดขายในประเทศ ผลักดันกำไรบริษัททั้งปีเพิ่มขึ้น แถมลุ้นมีปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการครึ่งปีแรกโดดเด่น และทั้งปีปันผลสูงถึง 80% ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิของปี 53 อยู่ในระดับ 216-232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 112.67 ล้านบาทในปี 52
ล่าสุด ราคาหุ้น BSBM ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 1.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท(+2.16%) โดยเปิดตลาดที่ 1.42 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.42 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.42 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กิมเอ็ง ซื้อ 1.80 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 1.71 บล.ซิกโก้ ซื้อ 1.75 บล.ดีบีเอส ซื้อ 1.79 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 1.70
ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2/53 กำไรจะโดดเด่นกำไรพุ่งเป็น 100-130 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการราคาเหล็กเส้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังสงกรานต์ปรับเพิ่มขึ้นดป็น 21,500-22,000 บาท สะท้อนตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ BSBM ยังมีสต็อกต้นทุนเก่าประมาณ 45,000 ตัน ซึ่งราคาต่ำกว่าราคานำเข้าเศษเหล็กปัจจุบันค่อนข้างมาก ส่งผลให้กำไรไตรมาส 2 พุ่งและแนวโน้มกำไรทั้งปีอยู่ที่ 232 ล้านบาท
ด้าน บล.โกลเบล็ก มองว่า แนวโน้มผลประกอบการของ BSBM ไตรมาส 2/53 ยังโดดเด่น โดยเติบโตจากไตรมาส 1/53 หลังทิศทางราคาเหล็กปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาในตลาดโลก และยังมียอดส่งมอบสินค้าล่วงหน้าราว 7-8 พันล้านบาท และราคาขายเพิ่มขึ้นเป็น 22,500 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 19,000-19,500 บาท/ตัน
ส่วนไตรมาส 1/53 คาดว่า BSBM จะมีกำไร 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาส4/52 ประมาณ 48% เนื่องจากแนวโน้มความต้องการสินค้าเหล็กเส้นยังไม่แข็งแกร่งนัก
ขณะที่ผลประกอบการทั้งปี 53 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มราคาขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ BSBM ยังมีสต็อกสินค้าราคาถูกทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก คาดจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล 1H52 ในระดับที่โดดเด่น
นักวิเคราะห์ จากบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ มองว่า BSBM มีจุดเด่นคือการบริหารงานอย่างระมัดระวังไม่มีนโยบายการเก็งกำไรราคาวัตุดิบ โดยกำไรสุทธิปี 53 ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทจะเน้นทั้งด้านการเติบโตของยอดขายและการเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยคาดกำไรสุทธิปี 53 ที่ 216 ล้านบาท แลปี 54 ที่ 256 ล้านบาท
BSBM บริหารวัตถุดิบได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่ดีและราคาไม่สูง และการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทำให้ Conversion cost ลดลง ขณะที่ราคาเหล็กเดือนเม.ย.กระเตื้องขึ้น 5-10% MoM เป็น 2.1-2.2 หมื่นบาทต่อตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กแท่งสูงขึ้น เป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินแร่เหล็กและราคาถ่านโค้กในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ BSBM มีการจ่ายปันผลสูงมาอย่างต่อเนื่อง หากเราให้อัตราการจ่ายเงินปันผลของปี 53 เท่ากับปี 52 ที่ 80% พบว่าในปีนี้บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 0.15 บาท ซึ่งคิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 10.3% นับว่าจูงใจมาก