นายเดชา แปงคำ กรรมการผู้จัดการ บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ช่วงนี้จะต้องระวังการลงทุนเนื่องจากมีเม็ดเงินจากทางยุโรปไหลเข้ามาในเอเชียจำนวนมาก ดังนั้น นักลงทุนควรจะเลือกเล่นหุ้นพื้นฐานอย่างเดียว อย่าเล่นหุ้นปั่น โดยเฉพาะ ควรลงทุนหุ้นที่มีผลกำไรดีและมีการจ่ายเงินปันผลที่ดีด้วย อย่างเช่นหุ้น GLOBLE, BANPU, PTTCH, KBANK เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราขณะนี้ได้แยกตลาดหุ้นออกจากการเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะเชื่อว่าเมื่อหุ้นปรับตัวลงมากต่างชาติจะต้องเข้ามาซื้ออยู่แล้ว เพราะอย่างไรก็ตามในที่สุดหุ้นไทยก็ต้องปรับขึ้นไป เพียงแต่จะขึ้นเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อหุ้นปรับตัวลง นักลงทุนควรพยายามซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานไว้สำหรับนักลงทุนระยะยาว ส่วนนักลงทุนระยะสั้นก็สามารถเล่นเทรดดิ้งได้ในแต่ละวันไป
"หุ้นพื้นฐานดีถือลงทุนได้เลย สำหรับคนที่ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าบางคนมีความต้องการใช้เงินก็สามารถระบายหุ้นออกไปบางส่วนได้ แต่ยังคงแนะให้เหลือหุ้นพื้นฐานถือครองไว้ในพอร์ตด้วย ซึ่งรอบนี้หากการเมืองเคลียร์ ทุกอย่างจบ เชื่อว่าตลาดฯมีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นไปได้เกิน 1,000 จุด เพราะเม็ดเงินไหลเข้าเอเชียเยอะมาก เนื่องจากเอเชียมีโอกาสที่จะทำกำไรได้สูง"นายเดชา กล่าว
กรรมการผู้จัดการ CGS กล่าวว่า ตลาดฯมีจุดต้านสำคัญเมื่อเข้าใกล้ 800 จุด ซึ่งค่า P/E กว่า 14 เท่า อาจจะทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในแนวนี้
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมือง ดังนั้น จึงแนะนำให้ทยอยขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป เพราะเชื่อว่าตลาดฯยังไม่เป็นขาขึ้นเลยทีเดียวในช่วงนี้
สำหรับนักลงทุนระยะยาวให้ดูดัชนี SET ที่ระดับ 635 จุด หากดัชนีฯต่ำกว่านั้น ควรทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ต 20% โดยเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว อย่างหุ้น PTT, BANPU, PTTCH, IVL เป็นต้น และถ้าตลาดฯยิ่งปรับตัวลงก็ยิ่งทยอยซื้อเพิ่มทีละ 20%
ส่วนนักลงทุนระยะสั้นให้ดูดัชนี SET ที่ระดับ 770 จุด หากไม่ผ่าน SET จะปรับตัวลงทดสอบ 760 จุด ซึ่งก็ควรจะขายทำกำไรออกมา
"พอร์ตลงทุน 100% ควรจะถือหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว 70% และอีก 30% เป็นในแบบเทรดดิ้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละคนด้วย"นายจักรกริช กล่าว
ขณะที่ นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) หรือ KGI กล่าวว่า นักลงทุนที่เล่นระยะสั้นไม่แนะให้ซื้อ ณ ราคานี้ เพราะจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมามากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้และสามารถยืนได้ แต่เชื่อว่าตลาดฯมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง โอกาสที่จะทำให้ตลาดฯปรับตัวลงอีกก็เป็นไปได้
ในแง่กลยุทธ์จึงแนะนักลงทุนให้ทยอยขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง แล้วหันไปซื้อหุ้นพวก Defensive หรือหุ้นที่สามารถหลบข่าวร้ายจากการเมืองได้
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังมีความเสี่ยงจากการเมือง แต่จะเห็นได้ว่าผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ และเศรษฐกิจที่มีการเติบโต น่าจะทำให้ความเสี่ยงที่จะทำให้ตลาดปรับตัวลงไปมากมีค่อนข้างน้อย
ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ KGI กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในมาก จึงเป็นกลุ่มที่ชอบ และสามารถถือลงทุนระยะยาวได้ อย่างหุ้น PTT และหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งผลกำไรจะผูกกับราคาน้ำมันเป็นหลัก ดังนั้น นักลงทุนที่เล่นหุ้นระยะยาวจึงสามารถถือครองหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ ไม่จำเป็นต้องขายออกมา
ส่วนพวกที่เล่นระยะสั้นก็ควรจะขายออกเมื่อมีกำไร เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตลาดฯขึ้นไปวันหนึ่ง ปรับตัวลง 1-2 วัน ยังมีความไม่แน่นอน"ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ KGI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"