นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD) เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทมั่นใจจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ แม้ในช่วงไตรมาส 1/53 จะมีผลประกอบการขาดทุน เนื่องจากเป็นการขาดทุนจากการขายหัวเจาะซึ่งเป็นอุปกรณ์ก่อสร้าง ในโครงการก่อสร้างรถไฟใต้ดินที่ประเทศอินเดีย ไม่ใช่เป็นการขาดทุนจากการก่อสร้างโครงการ
และในปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เกินกว่า 50,000 ล้านบาท และได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่างานในมืออีก 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 80,000 ล้านบาท และงานต่างประเทศ 120,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ ม.ค.-19 เม.ย.53 บริษัทมีมูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นแล้ว 53,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการรอลงนามในสัญญา 23,000 ล้านบาท และรอเจรจาอีก 40,000 ล้านบาท ดังนั้นมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้
โดยในปีนี้ บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 30% เป็น 50% โดยบริษัทยังเน้นการรับงานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า ประกอบกับบริษัทจะเน้นการเข้าประมูลงานที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งงานที่บริษัทเป็นผู้สร้างและกำหนดราคาเอง จะมีมาร์จิ้นสูงถึง 70% ของมูลค่างาน ขณะที่การเข้าประมูลงานที่มีการแข่งขันสูง จะมีมาร์จิ้นน้อยเหลือเพียง 25% อย่างไรก็ตามในปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีมาร์จิ้นสูงกว่า 6% จากปีก่อนอยู่ที่ 5.4%
"ปีนี้เรามั่นใจว่าจะมีกำไร แม้ไตรมาส1 ยังขาดทุน เพราะเราได้ตั้งสำรองทุกโครงการที่มีปัญหาไปหมดแล้ว และไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งหากได้เงินคืนเราก็จะบันทึกเป็นกำไรได้ทันทีด้วย" นายเปรมชัย กล่าว
นายเปรมชัย กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมยื่นซองประมูลงานโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทั้ง 5 สัญญา มูลค่างานรวม 70,000 ล้านบาท ในวันที่ 29 เม.ย.53 โดยบริษัท หวังว่าจะได้รับงานโครงการดังกล่าว แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้มูลค่างานมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่า บริษัทจะได้รับงานดังกล่าว เนื่องจากการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ผ่านมา บริษัทยังไม่เคยได้รับงานเลย ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่รายเดียวที่ยังไม่ได้รับงาน จึงหวังเต็มที่ในการเข้าประมูลงานนี้ โดยคาดว่าจะรู้ผลการประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินภายใน 1 เดือน หลังการยื่นซองประมูล นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง เช่นกัน
ส่วนโครงการน้ำเทิน 2 การเจรจามีความคืบหน้าไปมากและไม่น่าจะมีปัญหา คาดว่าจะสรุปผลการขายหุ้นได้ในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนอีก แม้ปีนี้มีการรับงานจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีเงินที่ได้จากการขายหุ้น ที่นำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท รวมถึงยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน ที่น่าจะเพียงพอรองรับการดำเนินธุรกิจ