นางปรารถนา มงคลกุล กรรมการ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล MINT) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองยังคงยืดเยื้อนานถึง 3 เดือน อาจส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทลดลง 5% แต่หากการชุมนุมการเมืองคลี่คลายลงและยุติลงได้โดยเร็ว เชื่อว่า ความสามารถการเติบโตของรายได้บริษัทยังเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ที่ 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 17,291 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอาหาร 50% ธุรกิจโรงแรม 35% รีเทลและเรสซิเด้นท์เชียล 15%
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบของการชุมนุมทางการเมือง ส่งผลให้มีการยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมในเครือของบริษัท 40 ล้านบาท/เดือน โดยการยกเลิกจองห้องพัก 50% มาจากโรงแรมโฟร์ซีซัน กรุงเทพฯ จากปกติจะสร้างรายได้ 1.5 ล้านบาท/วัน อย่างไรก็ตามจากฐานรายได้ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ จึงไม่น่ากระทบต่อรายได้รวมของบริษัทมากนัก
"ตอนนี้เรากำลังมองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็เป็นห่วง ถึงแม้การจองที่โรงแรมอื่นจะไม่กระทบ แต่ถ้าลากยาวเกิน 3-4 เดือน ก็ซีเรียสเหมือนกัน เพราะไม่ใช่กระทบแค่กรุงเทพ โรงแรมในต่างจังหวัดที่เรามี อาจกระทบไปด้วย" นางปรารถนา กล่าว
ทั้งนี้ประเมินว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือของบริษัทในปี 53 จะอยู่ที่ 60% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 51% แต่การที่บริษัทมีการกระจายการเข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมและการรับบริหารในต่างประเทศ จึงทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทอื่น
และในปีนี้ บริษัทยังคงทยอยเปิดโรงแรมอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงแรมอนันตรา ภูเก็ต และการลงทุนต่อเนื่องที่โรงแรมอนันตรา มัลดีฟ
นอกจากนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับลดงบลงทุน ที่วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรม 2,500 ล้านบาท ธุรกิจอาหาร 1,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ อยู่ระหว่างการซื้อแบรนด์อาหารจากต่างประเทศ 3-4 ราย มูลค่า 1,000-2,000 ล้านบาท และการเข้าซื้อกิจการโรงแรม หรือการเข้าร่วมทุน ประมาณ 3-4 ราย