ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) หลังจากบริษัท แคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนตลอดทั้งวัน และส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนักเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปกฏระเบียบด้านการเงินซึ่งกำลังมีการหยั่งเสียงครั้งสำคัญในวุฒิสภาสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.75 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 11,205.03 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 5.23 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 1,212.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 7.20 จุด หรือ 0.28% แตะ 2,522.95 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.31 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากบริษัท แคทเทอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้มูลค่า 233 ล้านดอลลาร์ หรือ 36 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ขาดทุน 112 ล้านดอลลาร์ หรือ 19 เซนต์/หุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนเป็นเหตุให้บริษัทต้องเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก
นักวิเคราะห์จากอาวาลอน พาร์ทเนอร์ส อิงค์ กล่าวว่า นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าผลประกอบการของแคทเทอร์พิลลาร์เป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดสุขภาพทางเศณษฐกิจของสหรัฐ เมื่อแคทเทอร์พิลลาร์สามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกปีนี้ ย่อมบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท เวิร์ลพูล คอร์ป และข่าวที่ว่าบริษัท เฮิร์ซ โกลบอล โฮลดิ้งส์ ทำข้อตกลงเทคโอเวอร์กิจการบริษัท ดอลลาร์ ธริฟตี้ ออโตโมทีฟ อิงค์
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน และนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ไม่มากพอ และอาจทำให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ รวมถึงฟอร์ด มอเตอร์, เอ็กซอนโมบิล คอร์ป, ยูพีเอส อิงค์, พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และคอลเกต ปาล์มโอลีฟ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.พ., สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนมี.ค.
วันพุธ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ จะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมี.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปี 2553
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปกฏระเบียบด้านการเงินซึ่งกำลังมีการหยั่งเสียงครั้งสำคัญในวุฒิสภาสหรัฐ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปิดร่วง 2.3% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดลบ 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดลบ 5.1%