นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการ บมจ.ไทยน็อกซ์ สแตนเลส (INOX) คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปี 53 จะดีกว่าปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 405 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/53 แนวโน้มกำไรสุทธิดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและ ไตรมาส 4/52 เนื่องจากยอดขายบริษัทเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 1.4 แสนตัน เพิ่มจากปีก่อนที่มียอดขาย 1 แสนตัน โดยขณะนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70-80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 2 แสนตันต่อปี เพิ่มจากปีก่อนที่มีการใช้กำลังการผลิตเพียง 60% โดยแบ่งขายในประเทศ 50% และอีก 50%ส่งออก ตลาดหลัก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตะวันออกกลาง และรองลงมาเป็น ตลาดยุโรป
"ดูภาพรวมปีนี้ สถานการณ์ดีกว่าปีก่อน ทั้งราคาที่ปรับขึ้นตามราคานิเกิล และดีมานด์ภาคอุตสาหกรรมก็กลับมา เชื่อว่าปีนี้รายได้กำไรดีกว่าปีก่อนอยู่แล้ว แต่เป็นเงินเท่าไรต้องขึ้นกับราคานิเกิลตลาดโลก...ช่วงต้นปี ดีมานด์เริ่ม pick up"นายเฉลิมชัย กล่าว
ขณะนี้ราคานิเกิลในตลาดโลก อยู่ที่ 2.7 หมื่นเหรียญ/ตัน สูงขึ้นจากปลายปีก่อนที่ราคาประมาณกว่า 1 หมื่นเหรียญ/ตัน ทั้งนี้ นิเกิลเป็นวัตถุดิบประมาณกว่า 10% ของการผลิตสแตนเลส และราคาซื้อขายสแตนเลสอ้างอิงกับราคานิเกิล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาขายจะปรับขึ้น แต่ต้นทุนวัตถุดิบก็ปรับขึ้นตามไปด้วย
นายเฉลิมชัย กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้หวั่นเกรงว่าจะกระทบกับความต้องการในประเทศ โดยลูกค้าเริ่มกังวลมาก และอาจจะชะลอการสั่งซื้อได้ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ในปี 52 บริษัทมีรายได้จากการขาย 7,962 ล้านบาท เทียบกับปี 51 ที่มีรายได้จากการขาย 14,168 ล้านบาท
ด้านนายประยุทธ์ มหากิจศิริ ประธานกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ INOX กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้น กรณีที่มีการเจรจาขายหุ้น INOX ให้กับกลุ่ม POSCO ผู้ผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรายใหญ่ของโลกว่า เรื่องนี้ไม่สามารถจะเปิดเผยเผยเพราะเป็นการซื้อขายหุ้นส่วนบุคคล และการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทแต่อย่างใด การดำเนินการดังกล่าวมีแต่จะสร้างความมั่นคงให้บริษัทมากขึ้น
"เราไม่อยู่ในฐานะที่ชี้แจงได้ เพราะการซื่อขายหุ้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถเลือกปฏิบัติได้ บริษัทมีหน้าที่ดำเนินธุรกิจให้สูงสุดเท่านั้น ถึงอย่างไรแม้จะมีการขายหุ้นเกิดขึ้น ก็ไม่กระทบกับผลประกอบการ" นายประยุทธ์ ตอบคำถามผู้ถือหุ้นในการประชุมผู้ถือหุ้นเช้านี้