TPC คาด Q2/53 กำไร-รายได้ใกล้เคียง Q1/53, รายได้ทั้งปีโต 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 27, 2010 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคเนศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) คาดว่า กำไรและรายได้ในไตรมาส 2/53 ใกล้เคียงไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 409 ล้านบาท และรายได้ 6.6 พันล้านบาท เนื่องจากราคาพีวีซีคาดว่ายังคงระดับสูง ประมาณ 900-1,000 เหรียญ/ตัน จากราคาน้ำมันดิบที่ยังยืนเหนือ 80 เหรียญ/บาร์เรล แต่ส่วนต่างราคา(สเปรด)ยังไม่แน่ใจว่าจะสูงได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยราคาเอทิลีนปรับขึ้นตามราคาน้ำมันไปที่ 1,200 เหรียญ/ตัน

ขณะที่ตลาดในประเทศคาดว่าไตรมาส 2 นี้จะมีความต้องการลดลงประมาณ 4-5% จากไตรมาสแรกที่มีความต้องการเพิ่มราว 5% เนื่องจากสถานการณ์การเมือง ทำให้โครงการรัฐ โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็งสะดุด อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถส่งออกทดแทนตลาดในประเทศได้ โดยไตรมาสสัดส่วนส่งออกเพิ่มเป็น 52-53%จาก 45% ในไตรมาสแรก

นายคเนศ คาดว่า รายได้ของบริษัททั้งปี 53 น่าจะเติบโต 20%จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.49 หมื่นล้านบาท มาจากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 7 แสนตัน เป็น 7-3-7.4 แสนตันในปีนี้ โดยกำลังการผลิตในเวียดนามจะมีเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน พ.ค.จะมีปริมาณ 9 หมื่นตันในปึนี้ รวมกับกำลังการผลิตเดิม 1 แสนตัน แต่กำลังผลิตเต็มที่ในเวียดนามทั้งปีประมาณ 1.5 แสนตัน ส่วนกำลังการผลิตในประเทศ อยู่ในระดับเท่าเดิมที่ 5 แสนตัน และกำลังผลิตในอินโดนีเซีย 8-9 หมื่นตัน

แต่ในปีหน้าจะรับรู้กำลังการผลิตในเวียดนามเต็มปี และหากโครงการในมาบตาพุดเดินเครื่องได้ในปลายปีนี้ก็จะเพิ่มอีก 5 หมื่นตัน เป็น 5.5 แสนตัน รวมแล้วปี 54 จะผลิตได้ 8.1 แสนตัน

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำไรสุทธิปี 53 บริษัทยอมรับว่ายังไม่สามารถคาดว่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,866 ล้านบาท เพราะปัจจัยเงินบาทแข็งค่าจะกดดันกำไร และสเปรดยังไม่นิ่ง โดยในช่วงครึ่งปีหลังไม่ชัดเจนว่าจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ เพราะราคาเอทิลีนขณะนี้ยังสูงอยู่

"ราคาเฉลี่ย (PVC) เริ่มต้นปีค่อนข้างสูง เราคิดว่าน่าจะทรงตัวไปได้ตลอดปี เพราะปัจจัยหลักคือน้ำมันดิบยังไม่ต่ำกว่า 80 เหรียญฯ...กำไรเรายังไม่แน่ใจ ถึงปริมาณขายเพิ่ม ราคาเฉลี่ยดี แต่สเปรดยังไม่แน่ใจว่าจะได้ดีขึ้นหรือเปล่า"นายคเนศ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าปีนี้เงินบาทอยู่ที่ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าทุก ๆ 1 บาท จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทราว 200 ล้านบาท

นายคเนศ กล่าวว่า แนวโน้มกำไรในอนาคตจะไม่เพิ่มเท่ากับปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากบริษัทได้เสียภาษีนิติบุคคลมากขึ้นจากการที่โรงงานที่ได้รับยกเว้นจากบัตรส่งเสริมบีโอไอหมดอายุ และ กำไรจากเงินปันผลจากบริษย่อยก็ลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ