บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART)ยอมรับไม่มั่นใจรายได้รวมปี 53 จะทำได้ตามเป้าหมาย 2.5 หมื่นล้านบาทหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารายได้ในปีนี้น่าจะเกิน 2 หมื่นล้านบาทแน่นอน โดยรายได้ในช่วงไตรมาส 1/53 เติบโตก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/52
บริษัทคาดว่าจะสรุปแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในไตรมาส 2/53 และยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการให้เช่ารถเมล์ NGV ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(อสมท.) ภายใน 1-2 เดือนนี้
ส่วน บมจ.สามารถเทลคอม(SAMTEL) ยังคาดว่าจะทำรายได้ราว 8 พันล้านบาท เนื่องจากส่วนใหญ่ป็นงานภาครัฐที่อยู่ในมือแล้ว และเตรียมจะเซ็นสัญญาใหม่ในช่วงไตรมาส 2/53 อีกกว่า 1 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/53
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMART กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองมีความยืดเยื้อและส่งผลรวมต่อเศรษฐกิจโดยรวม อาจกระทบถึงรายได้รวมของบริษัท โดยเฉพาะ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจโดยตรง เพราะโทรศัพท์มือถือขายได้น้อยลง และหากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อเป็นเวลานาน หรือมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็จะส่งผลกระทบต่อการประมูลของ SAMTEL ได้
ส่วนโครงการรถเมล์ NGV นายวัฒน์ชัย คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ 1-2 เดือนนี้ โดยขณะนี้ SAMART อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการผลิตตัวรถเพื่อเข้าประมูลร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ก็มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น หากมีการลงทุนบริษัทมีกระแสเงินสดในมือ 1 พันล้านบาท พร้อมลงทุน
ด้านโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ปีนี้และจะแล้วเสร็จปลายปี 53 เริ่มเห็นรายได้ปี 54
"ตอนนี้รายได้ไตรมาส 1 ปีนี้โตกว่าไตรมาส 1 ปีก่อนอย่างก้าวประโดด อาจจะเห็นเป็นตัวเลข 3 หลัก แต่ทั้งปีอาจไม่ได้ 2.5 หมื่นล้านบาทตามเป้าเพราะปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ น่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในอนาคต โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าสามารถ ไอ-โมบายหายไป"นายวัฒน์ชัย กล่าว