นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโต 14-15% แม้ว่าจะมีการปิดบริการเซ็นทรัลเวิร์ล จากการชุมนุมทางการเมืองบริเวณแยกราชประสงค์ แต่ไม่ได้ทำให้บริษัทเปลี่ยนแปลงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เนื่องจากไม่ได้ส่งผลกระทบให้บริษัทขาดทุนในปีนี้ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมน้อยมาก และเป็นปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งหากเทียบการชุมนุมทางการเมืองที่มีปิดสนามบิน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากกว่า
และการปิดบริการสาขาเซ็นทรัลเวิร์ ทำให้ลูกค้าหันไปใช้บริการที่เซ็นทรัลสาขาอื่น 14 แห่ง ซึ่งพบว่า ทำให้รายได้จาก 14 สาขาเพิ่มขึ้น 14-15% อีกทั้งสาขาลาดพร้าวได้เลื่อนการปิดปรับปรุงจาก 5 พ.ค.53 เป็น 31 พ.ค.53
"ไม่อยากประเมินความเสียหายจากการปิดเซ็นทรัลเวิร์ล แต่การที่มีการะจายศูนย์การค้า 14 แห่ง ทำให้ลูกค้าหันไปใช้บริการได้ นอกจากนี้ได้เสนอให้ลูกค้าเช่าพื้นที่ในเซ็นทรัลเวิร์ล หากต้องการย้ายไปขายสินค้าที่สาขาอื่น บริษัทพร้อมหาพื้นที่ให้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ ส่วนค่าเช่าคงตกลงเป็นรายๆไป" นายกอบชัย กล่าว
ทั้งนี้ อัตราการเข้าใช้บริการที่เซ็นทรัลเวิร์ล อยู่ที่ 1.5 แสนคน/วัน ขณะที่อัตราการใช้บริการของเซ็นทรัลทั้ง15 สาขา อยู่ 1 ล้านคน/วัน ขณะที่ผลกระทบจากการปิดเซ็นทรัลเวิร์ลนั้น ได้มีการหารือกับรัฐบาลแล้ว และบริษัทอยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขคามเสียหายเพื่อรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
นายกอบชัย กล่าวอีกว่า ในปี 53 บริษัทตั้งงบลงทุน 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการเซ็นทรัลสาขาพระราม 9 สาขาขอนแก่น โรงแรมฮิลตันพัทยา บีช และงบลงทุนใน 2-3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้เปิดโครงการในอนาคต
สำหรับการเปิดโครงการในอนาคตของบริษัท ประกอบด้วย โครงการเซ็นทรัลสาขาพระราม 9 มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการ คาดว่าเปิดบริการได้ในไตรมาส 4/54 โรงแรมฮิลตันพัทยา บีช มุลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดบริการได้ในไตรมาส 3/53 เซ็นทรัล สาขาเชียงราย มูลค่า 1,600 ล้านบาท อยู่ระหว่างการหาผู้ออกแบบเพื่อเตรียมก่อสร้าง คาดเปิดบริการได้ในไตรมาส 2/54 เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ มูลค่า 3,300 ล้านบาท อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบก่อสร้าง คาดเปิดบริการปี 54-55 โครงการสวนลุมไนซ์บาซ่า พื้นที่ 40 ไร่ สัญญา 30 อยู่ระหว่างรับมอบที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินฯ คาดว่าจะเซ็นสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวได้ในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนในต่างประเทศ
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงินและบัญชี CPN กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ได้มีการทำประกันภัยจากภัยก่อการร้ายมาหลายปีแล้ว ซึ่งหากการชุมนุมทางการเมืองมีความเสียหายต่อทรัพย์สิน สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำประกันภัยได้ โดยบริษัทชำระเบี้ยประกันอยู่ที่ 0.1%ของวงเงินประกัน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการร่วมลงทุนในประเทศจีน ในเดือน พ.ค.นี้จะเดินทางไปที่ประเทศจีน เพื่อเร่งการเซ็นสัญญาการร่วมลงทุน โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้ และจะเปิดบริการได้ในปี 55 ขณะที่แผนการขยายกองทุนพร็อตเพอร์ตี้ฟันด์ จากเดิมที่จะนำโครงการเซ็นทรัลเชียงใหม่ เข้ากองทุน คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
นายนริศ กล่าวว่า หวังให้การชุมนุมทางการเมืองยุติได้ภายในเดือน เม.ย.53 ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทคงต้องเร่งทำการตลาดเพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาใช้บริการที่เซ็นทรัลเวิร์ล
"เซ็นทรัลเวิร์ลปิด ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะตอนนี้ยิ่งทำให้ภาวะลำบากขึ้น แต่ข้อมูลผลกระทบจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการต่อเมื่อมีข้อยุติ และการชุมนุมจบลง และได้หารือกับลูกค้าผู้เช่าพื้นที่และรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้ว" นายนริศ กล่าว