บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) ปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินในปี 53 เป็น 1 พันไร่ จากเดิม 800 ไร่ พร้อมทั้งคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตราว 60-70% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลดีต่อการลงทุนของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม โดยขณะนี้มีลูกค้าในมือพร้อมอยู่แล้ว
นายเดวิด นาล์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตสูงถึง 60-70% จากปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของทุกภาคธุรกิจ ทั้งในส่วนของยอดขายที่ดิน ที่ปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันไร่ จากเดิมตั้งไว้ที่ 800 ไร่ เนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
ขณะนี้มีลูกค้าใหม่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาจำนวน 2 ราย จากที่มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 4 ราย ทำให้ไตรมาส 1/53 มียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมแล้ว 565 ไร่ นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทยังมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นายเดวิด กล่าวว่า หากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว ก็จะมีลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ลูกค้าได้ชะลอการเซ็นสัญญาไปบ้างแล้ว
"ผมยังเชื่อว่าทุกอย่างยังเป็นไปได้ด้วยดี หวังเหตุการณ์การเมืองจะเข้าสู่ความสงบโดยเร็ว ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบหลายประเทศ โดยเฉพาะต้นทุนที่ต่ำ แต่ท้ายที่สุดแล้วลูกค้าก็อยากเห็นความสงบอยู่ดี และถ้าเหตุการณ์สงบ ลูกค้าก็น่าจะมีเพิ่มขึ้น" นายเดวิด กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับแนวทางดำเนินธุรกิจหลังจากได้รับผลกระทบจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้มีการกระจายรายได้กว้างขึ้น และจะไม่ได้ให้ความสำคัญจากธุรกิจการขายที่ดินอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้ได้ลดสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินจาก 90% เหลือ 55% เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่เพิ่มรายได้จากส่วนอื่นมากขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ 45% เป็นรายได้จากบริการสาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์
ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้า จะสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างมีนัยสำคัญในปี 54 เนื่องจากได้เริ่มลงทุนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ได้เริ่มก่อสร้างในปีนี้ โดยเป็นการร่วมลงทุนกับ GLOW Energy และคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปลายปี 54 โดยมีกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนปีนี้ 1.3 พันล้านบาท และจะทยอยลงทุนเพิ่มในปี 54 โดยมีงบลงทุนรวม 3 พันล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า มาจากส่วนหนึ่งของการระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ ที่เหลือ 1.6 พันล้านบาท จากวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติออกขาย 2.5-3 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ พ.ค.53 ส่วนเม็ดเงินที่เหลือจะนำไปใช้ลงทุนระยะยาว และลดภาระหนี้ระยะสั้นบางส่วน
นายเดวิด กล่าวอีกว่า โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทยังคงมองหาโอกาสลงทุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการ เดอะพาร์ค ชิดลม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่าจะเห็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่อีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อรองรับนักลงทุนญี่ปุ่น เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มโครงการดังกล่าวในปี 54 ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทให้เพิ่มขึ้น