บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการปรับแผนลงทุน 5 ปี(53-57) จากที่กำหนดวงเงินลงทุนรวม 358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ และ มุ่งพัฒนา Green jet feul และ Green diesel ที่นำน้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบ และใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการผลิต คาดว่าจะมีการประเมินแผนลงทุนหลังจากการควบรวมกิจการในกลุ่มบมจ.ปตท.(PTT)มีความชัดเจนแล้ว รวมถึงการแก้ไขปัญหาโครงการลงทุนในมาบตาพุด
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะใช้งบลงทุน 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการยูโร 4 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จในปี 54
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTAR กล่าวว่า งบลงทุนในช่วง 5 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากตัวเลขงบลงทุนในแผนปี 54-57 ยังไม่มีการบรรจุโครงการใหม่ เพราะต้องรอความชัดเจนการควบรวมกิจการภายในกลุ่มปตท.ก่อน และโครงการมาบตาพุดที่ยังมีปัญหายังเดินหน้าไม่ได้ครบ
ทั้งนี้ บริษัทมองเห็นว่าแนวโน้มธุรกิจฟีนอล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมีอัตรากำไรที่ดี โดยขณะนี้กำลังศึกษาการขยายโครงการฟีนอลที่ปัจจุบันบริษัท(ถือหุ้น 30%)ร่วมทุนกับ บมจ.ปตท เคมิคอล (PTTCH) และ บมจ.ปตท (PTT) รวมทั้ง การขยายกำลังการผลิต เบนซีนที่มีความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่ 6 แสนตันต่อปี
"งบลงทุนปีหน้าเราคงเปลี่ยนแปลง เรามองไปข้างหน้า เราจะลงทุน downstream มากขึ้น และเราก็จะมุ่งไปทำ Green Jet ....เราต้องรอให้ควบรวมาให้มีคำตอบชัดเจน เรื่องมาบตาพุดก็ยังไม่ชัดเจน" นายชายน้อย กล่าว
ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.จะมีการหารือบริษัทในกลุ่ม ปตท.เรื่องควบรวมกันอีกครั้ง คาดว่าจะมีความชัดเจน และหากได้ข้อสรุปกระบวนการจะเสร็จเร็วภายใน 6 เดือน ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาทุกด้านไว้แล้ว อย่างไรก็ดี หากระหว่างนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจจะไม่ต้องรีบร้อนดำเนินการ เพราะบรรยากาศในตลาดคงไม่ดี นักลงทุนอาจไม่สนใจ
นายชายน้อย ยังคาดว่า ค่าการกลั่นในปลายปีนี้จะขยับขึ้นมาที่ระดับ 5.5-6.0 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จาก 3-6 -3.7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาสแรก โดยกลุ่มปตท. ประเมินราคาน้ำมันในปีนี้อยู่ในช่วง 75-85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ส่วนต่างพาราไซลีนและเบนซีนคาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/53 จากไตรมาส 1/53 แต่แนวโน้มส่วนต่างอยู่ในระดับสูงจากราคาที่ยังทรงตัวค่อนข้างสูงจากความต้องการที่มีอยู่มาก โดยเฉพาะจีนและอินเดีย
ส่วนสเปรด ของพาราไซลีน และ เบนซีน ในไตรมาส 2/53 จะอ่อนตัวกว่าในไตรมาส 1/53 เล็กน้อย โดยในเดือนเม.ย. สเปรดของเบนซีนอยู่ระดับ 300 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และพาราไซลีน อยู่ประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 1/53 มีสเปรดเบนซีนอยู่ที่ 338 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และ สเปรดพาราไซลีนอยู่ที่ 418 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาพาราไซลีน และ เบนซีน ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะนี้ราคาพาราไซลีนอยู่ที่ 1,050 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และ เบนซีน ราคาอยู่ที่ 1,020 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
และในเดือน มิ.ย. จะปิดซ่อม โรงอะโรเมติกส์ (AR2) เป็นเวลา 25 วัน ซึ่งอาจจะมีผลให้รายได้ในไตรมาส 2/53 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1/53