โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังหนุนซื้อหุ้น บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI)มองผลการดำเนินงานโดดเด่น หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/53 เติบโตอย่างมาก โดยมีปริมาณขายทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มีสต็อกวัตถุดิบต้นทุนต่ำ แต่อาจชะลอตัวลงในไตรมาส 2/53
ขณะที่แนวโน้มทั้งปีเชื่อว่ายังมีปริมาณขายได้ดี และทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง จากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มความต้องการของตลาดในประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองที่อาจทำให้คำสั่งซื้อชะลอลงและแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ ประเมินกำไร SSI ทั้งปี 53 อยู่ในระดับ 2,900-3,900 ล้านบาท จากปี 53 ที่ประกาศงบการเงินมีกำไรสุทธิ 1,272 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เกียรตินาคิน ซื้อเมื่ออ่อนตัว 1.74 บล.ไอร่า ซื้อเก็งกำไร 1.65 บล.ทิสโก้ ซื้อ 2.00 บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 2.17 บล.ซิกโก้ trading buy 2.00 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 2.00 สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 2.00
นางสาว.วิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า จากผลประกอบการของ SSI ในไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 1,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบไตรมาส 4/52 มาจากรายได้ที่เติบโตค่อนข้างมาก โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 13,865 ล้าน จากปริมาณการการขายที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดจำหน่ายถึง 683,840 ตัน สูงสุดทำลายสถิติในอดีตที่ผ่านมา
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.1% และบริษัทยังมี Stock ราคา Slap ระดับราคาต่ำอยู่ทำให้มี Spread Margin ในระดับสูง แต่ยังน้อยกว่าใน 4Q52 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17% โดยประเมินสถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 1.12 เท่า จาก 1.4 เท่าในไตรมาส 4/52
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/53 อาจอ่อนตัวลงมาจากยอดขายที่อาจหดตัวลง เนื่องจากมีวันหยุดมาก พร้อมทั้งกรณีการชะลอคำสั่งซื้อเนื่องมาจากประเด็นการเมือง อาจส่งผลต่อยอดขายในไตรมาสถัดไป นอกจากนั้น ระดับราคาสินแร่เหล็ก Pig iron ที่เริ่มปรับสูงขึ้น อาจส่งผลต่อราคา SLAP ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปรับเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้ Spread Margin ลดลง
“หากประเมินตอนนี้ จากปัจจัยทั้งภายนอก และปัจจัยภายในเรื่องปัญหาการเมือง ดูแล้วอาจมองว่าไตรมาส 1/53 ผลประกอบการของ SSI จะดีที่สุดจากทั้งปีนี้ แต่คงต้องรอดูในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งยังมองสถานการณ์ไม่ออก และการเมืองที่ไม่ชัดเจน จะทำให้มีการชะลอคำสั่งซื้อหรือไม่"นางสาววิชชุดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าทั้งปี 53 รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้มากเมื่อเทียบปี 52 โดยคาดว่าจะมีรายได้ถึง 48,576 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 45% โดยประเมินว่าจะมียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน จากไตรมาส 1/53 ที่มียอดขายทำลายสถิติสูงสุดไปแล้ว และจะทำให้กำไรสุทธิปี 53 ของ SSI อยู่ที่ 2,977 ล้านบาท
โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจ จากปัญหาการเมืองในประเทศ ที่อาจส่งผลต่อการชะลอคำสั่งซื้อ เนื่องจากตลาดหลักของบริษัทเป็นตลาดในประเทศ รวมถึง แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบสินแร่เหล็ก ที่อาจทำ Spread Margin ลดลง
นางสาวจิตรลดา เลขาพันธ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า จากผลประกอบการของ SSI ในไตรมาส 1/53 ทั้งจากยอดขายในประเทศและส่งออก รวมทั้งราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มไตรมาส 2/53 ผลประกอบการอาจชะลอตัว จากผลกระทบของราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อชะลอออกไป
แต่โดยรวมความต้องการเหล็กในตลาดที่แข็งแกร่งขณะที่คู่แข่งขันในประเทศยังประสบปัญหาการดำเนินงาน ซึ่งภายใต้ความต้องการในประเทศที่ยังแข็งแกร่งโดยปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองหลักๆ จากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ที่คาดตัวเลขการผลิตรถยนต์ในปี53 อาจสูงถึง 1.7 ล้านคัน ขณะที่คู่แข่งในประเทศยังประสบปัญหาการดำเนินงาน ทำให้คาดว่ายังเป็นโอกาสที่ดีของ SSI โดยเฉพาะสินค้าประเภท High Grade
ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 53 บริษัทจะมีปริมาณขายที่ 2.5 ล้านตัน และ Gross Profit Margin เฉลี่ย 12% รวมทั้งค่าใช้จ่ายขายและบริหาร 602 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย 1,173 ล้านบาท ทำให้คาดรายได้ขาย 48,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น และ 45% จากปี 52 และคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,892 ล้านบาท ซึ่งยังทำกำไรยังโดดเด่นจากปี 52
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปี 53 บริษัทยังไม่มีการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากยังมีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นอีก จำนวน 2,171 ล้านบาท
ขณะที่ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ ที่มีแนวโน้มลุกลามไปสเปน และโปรตุเกส อาจทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอียูเป็นไปอย่างจำกัด รวมถึงมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของจีนที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้เหล็ก และทำให้ราคายังมีความผันผวน
นายอำนาจ โงสว่าง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ SSI ไตรมาส 1/53 พลิกเป็นกำไร 1,445 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 1,875 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีปริมาณการส่งมอบเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัท ซึ่งเป็นผลจากความต้องการที่สูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ และคู่แข่งที่ประสบปัญหาทางการเงิน ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45%
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/53 คาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง ส่วนปริมาณขายคาดว่าจะลดลงจากไตรมาส 1 เล็กน้อย
และผลประกอบการทั้งปี 53 ที่บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 50,000 ล้านบาท และยอดส่งมอบสินค้าที่ 2.7 ล้านตัน จึงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ 3,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177% เมื่อเทียบปีก่อน