โบรกเกอร์ หนุนซื้อหุ้น บมจ.แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์(LPN)มองธุรกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่องทั้งการจากการประกาศเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 6-8 โครงการ และมี backlog กว่า 15,000 ล้านบาท รวมถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่ยอดจองคอนโดมีเนียมในไตรมาส 1/53 กว่า 5,900 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่รายได้ในไตรมาสนี้คาดว่าลดลง เนื่องจากไม่มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่รายได้บริษัทจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาสต่อไป
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.เกียรตินาคิน ทยอยซื้อ 8.10
บล.กิมเอ็ง ทยอยสะสม 8.75
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 8.28
บล.ไอร่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว 8.20
บล.ซิกโก้ ซื้อ 8.15
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย Trading buy 7.40
บล.ฟิลลิป ซื้อ 8.20
นายสุรศักดิ์ อนุตรโสตถิ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า LPN ยังเป็นบริษัทที่มีการเติบโตได้ต่อเนื่อง เห็นได้จากอัตรากำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อไป
บล.กิมเอ็ง ประเมินว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะชะลอตัว โดยน่าจะมีรายได้ประมาณ 1,410 ล้านบาท หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 31% และหดตัว 32% เทียบไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีโครงการสร้างเสร็จ ทำให้ยอดโอนลดลง แม้ไตรมาสดังกล่าวจะมียอดจองคอนโดมิเนียมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าจากปีก่อน และยอดจองในไตรมาส 1/53 คิดเป็น 45% ของเป้าหมายยอดจองทั้งปีที่ 13,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ของบริษัทจะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/53 และไตรมาสถัด ๆ ไป เนื่องจากไตรมาส 2/53 มีโครงการสร้างเสร็จ 2 โครงการ ได้แก่ วิลล์ บางแค มูลค่า 300 ล้านบาท และ เพลส พระราม 9—รัชดา เฟส 1 มูลค่า 2.6 พันล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการก็จะเป็นส่วนเพิ่มยอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog)เข้ามา
ในปี 53 คาดว่า LPN จะมีรายได้รวมประมาณ 9,410 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 10% เมื่อเทียบปีก่อน และมีกำไรสุทธิราว 1,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10% เช่นกัน โดย Backlog จะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาททยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปี 54
“โดยปกติ LPN จะมีรายได้ดีมากในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 4 แต่โดยรวมปีนี้ไตรมาส 1 รายได้ของบริษัทจะต่ำสุด หลังจากนั้นจะดีขึ้นในทุกไตรมาส...มาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีประโยชน์ต่อการซื้อคอนโดมิเนียม ส่วนปัญหาการเมืองมองว่ามีผลทางจิตวิทยาระยะสั้น ซึ่งขณะนี้แนวโน้มดีขึ้นแล้วและคาดว่าจะจบเรื่องการเมืองได้"นายสุรศักดิ์ กล่าว
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า LPN น่าสนใจลงทุน จากแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยปีนี้มองว่าบริษัทมี Backlog เป็นหลักประกันรายได้ 1-2 ปี จำนวน 10,500 ล้านบาท และมีผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ รวมทั้งสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
คาดว่ายอดขาย Presale ของ LPN ในปีนี้เติบโตได้ต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจช่วยสนับสนุนแรงซื้อ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขาย Presale ที่ 13,000 ล้านบาท จากปี 52 มียอดขายจริง 12,480 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปี 53-54 ประมาณ 10,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการเปิดโครงการในปีนี้ 6-8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 13,000-16,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/53 ได้เปิด 2 โครงการแล้ว คือ ลุมพินี ทาวน์ บางแค มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/53 พร้อมเปิดอีก 1 โครงการ คือ โครงการ ลุมพินี เพลส รัชโยธิน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
ดังนั้น ในปี 53 คาดว่า ผลประกอบการของ LPN จะมีรายได้ 8,816 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,432-1,460 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 0.51-0.52 บาท/หุ้น
“มองว่าบริษัทยังมีการเติบโตได้ดี ขณะที่ความเสี่ยงทางธุรกิจจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นไม่น่ามีผลต่อต้นทุนการก่อสร้าง โดยเชื่อว่าทางผู้บริหารได้ประเมินเรื่องนี้ไว้แล้ว และราคาวัสดุก่อสร้างไม่ได้สวิงขึ้นมาก ขณะที่ปัญหาการเมือง ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีผลต่อการเปิดโครงการใหม่ และยอดขายของบริษัทหรือไม่" นางสาววิชชุดา กล่าว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ถึงแม้ LPN จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสร้าง Presale ใหม่ โดยไตรมาส 1/53 ทำยอดขายได้สูงถึง 6,550 ล้านบาท จากการเปิดตัว 3 โครงการใหม่ได้แก่ ลุมพินีเพลส รัชโยธิน, ลุมพินีเพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไทย และ ลุมพินีคอนโดทาวน์ บางแค
แต่การบันทึกรายได้จากการขายคาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากไตรมาส 1/53 ไม่มีโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จและโอนฯ ทำให้การบันทึกรายได้มาจากการขายสต๊อกเดิมในโครงการที่สร้างแล้วเสร็จเป็นหลัก โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1,350 ล้านบาท เป็นส่วนที่มาจาก Backlog ราว 630 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการขายและโอนฯ ในระหว่างไตรมาส
ขณะที่ประสิทธิภาพการทำกำไรน่าจะลดลง เนื่องจากฐานรายได้ต่ำกว่าปกติ ขณะที่ยังมีค่าใช้จ่ายในการเปิดตัวโครงการใหม่เข้ามาเสริม จึงคาดว่าไตรมาส 1/53 LPN น่าจะมีกำไรลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงเมื่อเทียบไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไตรมาส 2/53 เป็นต้นไป LPN จะมีโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ เข้ามาทุกไตรมาส และมี Backlog รวม 2,130 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลประกอบการของบริษัทให้สูงขึ้น และหากประเมินภาพรวมทั้งปี 53 คาดว่า LPN น่าจะมีกำไร 1,540 ล้านบาท เพิ่ม 17.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน