(เพิ่มเติม) A-PAO เตรียมเปิด 6-7 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวม 1 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 6, 2010 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อั่งเปา แอสเสท(A-PAO)เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 6-7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาโครงการทั้งคอนโดมิเนียม และโครงการบ้านเดี่ยว

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวในปีนี้น่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น จากที่ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเห็นได้จากการเปิดโครงการนำร่อง ณุศาศิริ พระราม 2 มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ที่ได้ทยอยเปิดขายแล้วในเฟสแรกได้รับการตอบรับจากลูกค้าดี และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้ และขณะนี้บริษัทอยุ่ระหว่างการพิจารณาเพื่อขยายโครงการในเฟส 2 ต่อไป

นายวิษณุ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้น่าจะขยายตัว 5-10% โดยเป็นการทยอยปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป และยังมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณฟื้นตัวมาเติบโตได้ 3-3.5% ในปีนี้จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งเป็นผลดีต่อกำลังซื้อของลูกค้า ขณะเดียวกันยังมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้ทรงตัวในระดับต่ำในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อตลาดที่อยู่อาศัยให้ขยายตัว

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 1 พันล้านบาท และใน 2 ปีข้างหน้า(54-55) คาดว่าจะมียอดขายที่ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อสินทรัพย์จากผู้ถือหุ้นเดิม คือ ณุศาศิริ แกรนด์ รวมมูลค่า 8 พันกว่าล้านบาท รวมทั้งการเข้าเทคโอเวอร์อาคารสูงที่พัฒนาไม่เสร็จ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 3-4

นอกจากนี้ ยังมาจากการมองหาพันธมิตรร่วมทุนที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 2-3 รายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะได้ในแง่ Know How และเงินทุน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งให้บริษัทโตก้าวกระโดดได้

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 2-3/53 จะเริ่มเห็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2-3 โครงการ ย่านเกษตรนวมินทร์ และเอกมัย มูลค่าประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท จากจำนวนโครงการทั้งหมดที่เปิด 6-7 โครงการ ซึ่งโครงการย่านเกษตรฯ มีการทยอยขายแล้วและมียอดรับรู้แล้ว 200 กว่าล้านบาท ขณะที่อีก 2 โครงการที่เอกมัยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการซื้อที่ดินใหม่ประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมที่ดินที่บริษัทมีอยู่แล้วโดยการโอนทรัพย์สินของณุศาศิริแกรนด์เข้ามา 2 พันกว่าล้านบาท

นายวิษณุ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายไตรมาส 2/53 โดยมีบล.ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หลังจากปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 80% จะเป็นณุศาศิริ แกรนด์ และที่เหลือจะเป็นรายย่อย เชื่อว่าหลังจากเข้าจดทะเบียน บริษัทจะมีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากความสามารถในการพัฒนาโครงการ หรือ โครงการบ้านเดี่ยวที่บริษัทมีความถนัด อีกทั้งยังมีความชำนาญในการเทคโอเวอร์ เพระปัจจุบันบริษัทมีความแข็งแกร่งในเรื่องของเงินทุน

"เราได้ว่างเป้าหมายจากนี้ไปจะโตแบบก้าวกระโดด ดูได้จากสินทรัพย์ที่เรามีทำให้เราได้เปรียบและยังคงมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาโครงการ โดยเรามองว่าจะเป็น 1 ใน 5 Top5 ใน 2 ปีข้างหน้าให้ได้ และเรายังมีความชำนาญในการเทคโอเวอร์ ซึ่งเราก็มองหลายแนวทางไว้ด้วยกัน ทั้งการซื้อตึกสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จมาพัฒนา หรือเข้าซื้อโครงการที่ขาดเงินทุน" นายวิษณุ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ 50% และแนวสูง 50%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ