ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) โดยในระหว่างดัชนีดิ่งลงไปเกือบ 1,000 จุด เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สินของกรีซจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลง 347.80 จุด ปิดที่ 10520.32 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับ 1128.15 จุด ลดลง 37.75 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 2319.64 จุด ดิ่งลง 82.65 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ โดยในระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 998.5 จุด หรือ 9.19% สู่ระดับต่ำกว่า 10,000 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงในระหว่างวันที่หนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะดีดขึ้นมาปิดเหนือระดับ 10,000 จุด โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซจะลุกลามในวงกว้างและฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซรุนแรงมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า วิกฤตหนี้สินที่ถาโถมเข้าใส่กรีซอยู่ในเวลานี้อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารของประเทศอื่นๆในภูมิภาค อาทิ โปรตุเส อิตาลี สเปน ไอร์แลนด์ และอังกฤษ
นอกจากนี้ มูดีส์กล่าวว่า แม้ธนาคารในบางประเทศ อย่างโปรตุเกส และ อิตาลี สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการเงินโลกมาได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ธนาคารเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตการคลังครั้งล่าสุด หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นนอกประเทศกรีซ
รัฐบาลกรีซกำลังแบกรับภาระหนี้สาธารณะจำนวน 3 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้กรีซลดภาระหนี้สินได้ 3 หมื่นล้านยูโรในอีก 3 ปีข้างหน้า
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยหลังจากอีซีบีได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางจะยังคงยอมรับพันธบัตรรัฐบาลกรีซในฐานะหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อไป แม้ว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำอย่าง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซลงสู่ระดับไม่น่าลงทุน หรือระดับขยะ (junk status) ก็ตาม
นายริช อดาโมนิส โฆษกตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดเผยว่า การที่ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างหนักในระหว่างวันอาจเกิดจากความผิดพลาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของ Nasdaq OMX Group Inc กล่าวว่า ทางบริษัทกำลังประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในตลาดอื่นๆเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของการร่วงลงอย่างหนักในครั้งนี้
เทรดเดอร์หลายคนเชื่อว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้นครั้งนี้อาจเป็นเพราะมีการเทขายหุ้นพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิลส์ (P&G) ออกมาอย่างหนัก ซึ่งหุ้นดังกล่าวเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีน้ำหนักมากในดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่ทาง P&G กล่าวว่าทางบริษัทกำลังตรวจสอบการซื้อขายหุ้นของบริษัท และได้ประสานงานไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) แล้ว
นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนว่า มีหุ้น 8 ตัวที่ถูกกระหน่ำขายจนราคาร่วงลงสู่ระดับ 0 หรือ 1 เซนต์ ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นธุรกรรมการซื้อขายที่ "ผิดปกติ"