นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิขั้นต้น (net profit margin) ในปี 53 ของบริษัทอาจลดลงเหลือ 16.7% จาก 19% ในปี 52 เนื่องจากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น แม้ว่าการพัฒนาโครงการบ้านบีโอไอจะช่วยเพิ่มรายได้บ้างก็ตาม โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากโครงการบ้านบีโอไอในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากเดิมอยู่ที่ 10%
สำหรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ของบริษัทในปีนี้ มั่นใจว่าจะทำได้ตามที่วางไว้ ภายใต้สถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยบริษัทได้วางกลยุทธในการรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนของโครงการที่สามารถเร่งระยะเวลาการก่อสร้างให้เสร็จภายใน 30 วันทั้งทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทมียอดขายพรีเซลอยู่ในมือค่อนข้างมาก
รวมถึงการเปิดโครงการในกลุ่ม(segment)ใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองที่มีระดับราคาถูกกว่าโครงการของผู้ประกอบการรายอื่น คาดว่าจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไปที่ซอยอารีย์ภายในเดือน พ.ค.53 หลังจากนั้นจะมีโครงการย่านสาธร ซอยสวนพลู
ส่วนโครงการต่างประเทศ ยังมีหลายโครงการที่จะทยอยรับรู้รายได้ รวมถึงโครงการในตลาดต่างจังหวัด จะทยอยเปิดตัวเพิ่มเติมในไตรมาส 3/53 หลังจากได้ทยอยเปิดไปบ้างแล้ว เช่น ที่ จ.นครปฐม
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของบริษัทในไตรมาส 2/53 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงไตรมาส 1/53 ที่มียอดขาย 8,587 ล้านบาท เนื่องจากการทยอยรับรู้จากยอดขายคอนโดมิเนียมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการใหม่ๆ จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/53 อีก 2 โครงการ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/53 บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog) 17,129 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 10,392 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป
และจากการตอบรับของลูกค้าที่ดีเกินความคาดหมาย ส่งผลให้บริษัทมองหาการซื้อที่ดินใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้เม็ดเงินซื้อที่ดินอาจเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท จากเดิมวางงบไว้ 7,000 ล้านบาท โดยเป็นการจัดซื้อที่ดินในประเทศเท่านั้น ไม่รวมงบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในต่างประเทศ
นายสมบูรณ์ กล่าวถึงการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะออกขายได้ในกลางเดือน มิ.ย.53 โดยเบื้องต้นจะมีการทยอยออกขาย 2 งวด โดยงวดแรกจะเสนอขายวงเงิน 1,500-2,000 ล้านบาท และงวดที่ 2 ออกขาย วงเงิน 1,000-1,500 ล้านบาท โดยเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน หลังจาก ทริสปรับอันดับเครดิตของบริษัทจากระดับ A- เป็น A ประกอบกับช่วงไตรมาส 1/53 มียอดขายสูงสุด