4 โบรกฯ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW)มองการเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นไป ตามการขยายตัวของกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรในอนาคต ประเมินกำไรไตรมาส 1/53 สวยหรูจากทั้งการดำเนินงาน ค่าปรับจากผู้รับเหมา และอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับ ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างมาก การลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปลอดภัย และผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.เกียรตินาคิน "ซื้อ" 44.00
บล.ยูไนเต็ด "ซื้อลงทุน" 41.00
บล.นครหลวงไทย "ซื้อ" 41.00
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น GLOW หลังจากความกังวลผลกระทบมาบตาพุดลดลง เนื่องจากลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่คาด และยังมีปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จากโครงการสำคัญในปีนี้ อาทิ โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 115 เมกะวัตต์ เริ่มรับรู้รายได้ เม.ย. 53
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/53 คาดว่า GLOW จะมีกำไรสูงถึง 1,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 245% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสก่อน โดยนอกจากผลการดำเนินงานปกติแล้ว ยังมีปัจจัยบวก คือ ค่าปรับจากผู้รับเหมาโครงการ CFB#3 เนื่องจากไม่สามารถเริ่มการผลิตได้ตามกำหนด และ โครงการฮ้วยเหาะที่กลับมามีกำไร รวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 300 ล้านบาท ตามทิศทางการแข็งค่าของเงินบาท
ขณะที่ประมาณการกำไรไตรมาส 2/53 ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาส 1/53 ส่วนทั้งปีคาดว่ากำไรของบริษัทจะอยู่ที่ 5,148 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.52 บาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนซึ่งเหมาะสมเป็นหุ้น"ซื้อลงทุน"ให้ราคาเป้าหมายที่ 44.00 บาท
นอกจากนี้เรามองว่าการลงทุนใน GLOW ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่มีการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า โดยคาดว่าปี 53 Yield ที่ได้จากเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาปิดล่าสุดจะไม่น้อยกว่า 5.4% ขณะที่เงินปันผลใน 1H53 จะไม่น้อยกว่า 0.7 บาท
ด้านนักวิเคราะห์บล.ยูไนเต็ด กล่าวว่า หุ้น GLOW ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของไทย มีทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ คาดว่าจะมีกำไรโดดเด่นในปี 53 โดยกำไรน่าจะอยู่ที่ 4,726 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.23 บาท แต่มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นหากกำไรในช่วงครึ่งปีแรกออกมาดีกว่าคาด และน่าจะจ่ายปันผลครึ่งปีแรกที่ 0.75 บาทต่อหุ้น
แวโน้มผลประกอบการในอนาคตสดใส หลังจะมีกำไรการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นอีก 926 MW ที่จะทยอยเริ่มผลิตในปี 53-55 และยังมีโครงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำห้วยเฮาะในลาว กำลังการผลิต 102MW และโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม เพื่อป้อนโรงปิโตรเคมีแห่งใหม่ของเครือซีเมนต์ไทย อยู่ระหว่างการพิจารณาค่าไฟฟ้าและผลตอบแทนที่เหมาะสม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ด้านบทวิเคราะห์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองว่าหุ้น GLOW มีจุดเด่นเรื่องกำไรใน 3 ปีข้างหน้า(53-55) และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าถือว่าได้เปรียบจากช่วงภาวะตลาดหุ้นถูกกดดันจากปัจจัยความกังวลภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นไฟฟ้าอิงกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ถือว่าปลอดภัยและมีความน่าสนใจในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน
ทั้งนี้ GLOW เป็นบริษัทที่มีการจ่ายปันผลในระดับสูงสม่ำเสมอ คาดว่าปี 53 จะจ่ายราว 5.3% หรือ 1.91 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 1,586 ล้านบาท และไตรมาส 2/53 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนแนวโน้มมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากการปรับราคาค่าเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็น 98 เหรียญ/ตัน ตามสูตร Pass Trough กับ EGAT (ทุกเดือนเม.ย.) ขณะที่ GLOW ได้ Fix ต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินส่วนนี้ไว้แล้วถึง พ.ค.53 ที่ระดับราคา 70 เหรียญ/ตัน และคาดมีการรับรู้รายได้จากค่าประกันภัยกรณี CFB 1 หยุดเดินเครื่องนอกแผนไปเมื่อ Q1/52 ส่วนที่เหลืออีกราว 40-50 ล้านบาท
แนวโน้มกำไรปกติใน 1H/53 สูงกว่า 2H/53 ซึ่งมีแผนการหยุดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรปกติปี 53 ยังดีกว่าที่คาดไว้เดิม โดย SCRI ปรับประมาณการกำไรปกติปี 53 ขึ้นอีก 7% เป็น 4,822 ล้านบาท เติบโต 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน