ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 404.71 จุด รับมาตรการกู้วิกฤตหนี้กรีซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 11, 2010 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี หลังจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตัดสินใจใช้มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกอบกู้วิกฤตการณ์การเงินของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลและมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้น 404.71 จุด หรือ 3.90% ปิดที่ 10,785.14 จุด ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 48.85 จุด หรือ 4.40% ปิดที่ 1,159.73 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 109.03 จุด หรือ 4.81% ปิดที่ 2,374.67 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.249 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 19 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก หลังจากที่ประชุมชาติสมาชิกอียูอนุมัติเงินกู้ใหม่ให้กรีซมูลค่า 5.60 แสนล้านดอลลาร์ และลงมติอนุมัติเงินกู้ 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้มีการเจรจาไปก่อนหน้านี้ โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลกรีซจะต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังอนุมัติเงินกู้มูลค่า 3.21 แสนล้านดอลลาร์โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สินของกรีซลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปและทั่วโลก ทั้งนี้ วงเงินกู้ฉุกเฉินที่ทั้งอียูและไอเอ็มเอฟอนุมัติให้กับกรีซรวมกันแล้วสูงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศตั้งกองทุนสว็อปสกุลเงินดอลลาร์ร่วมกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวด้านการเงินในตลาดยุโรป ซึ่งตามข้อตกลงนั้น เฟดจะอัดฉีดเงินกู้เข้าสู่ตลาดการเงินของประเทศเหล่านี้ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งเหมือนกับที่เคยดำเนินการในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกเมื่อปี 2551-2552

กองทุนสว็อปค่าเงินที่ได้รับการจัดตั้งครั้งล่าสุดนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะตึงตัวด้านการเงินอันเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงินของกรีซ ลุกลามออกไปในวงกว้าง

ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยังคงเป้าหมายการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการฟื้นฟู เพื่อให้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะที่แข็งแกร่ง

หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นแข็งแกร่งที่สุด โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดถึง 6.9% ส่วนหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ดีดขึ้น 7.4% และหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 6.9%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมี.ค. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมี.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนเม.ย.

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ