ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศใช้มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่ารวมกันเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์การเงินของกรีซลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 264.40 จุด ปิดที่ 5,387.42 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,123.02-5,399.75 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ไอเอ็มเอฟและชาติสมาชิกยุโรปประกาศใช้มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่ารวมกันเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้สินของกรีซลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปและทั่วโลก รวมทั้งข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศตั้งกองทุนสว็อปสกุลเงินดอลลาร์ร่วมกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์โดยมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวด้านการเงินในตลาดยุโรป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากธนาคารกลางอังกฤษที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยังคงเป้าหมายการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการฟื้นฟู
หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปิดพุ่ง 6.85 หุ้นธนาคาร HSBC ปิดบวก 7.1% หุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดพุ่ง 10.5% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 14.2% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดพุ่ง 16.2%
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลของอังกฤษ หลังจากนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ กล่าวว่า เขาจะลาออกจากการเป็นผู้นำพรรคแรงงานเพื่อเพิ่มโอกาสของพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ร่วมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย