BANPU เผยกำไร Q1/53 ร่วง 43% จากราคาขายถ่านหินลดลง-ขาดทุน Coal Swap

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 11, 2010 10:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU)กล่าวว่า กำไรสุทธิของไตรมาส 1/53 ที่ปรับตัวลดลงจำนวน 2,080 ล้านบาท หรือร้อยละ 43 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ลดลง โดยในไตรมาส 1/52 โดยบริษัทฯ มีกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 1,452 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 60 จาก 3,654 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

"กำไรสุทธิของไตรมาส 1 ที่ลดลงนั้นเป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 21 จากงวดเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 66.27 เหรียญสหรัฐต่อตัน"นายชนินท์ กล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณถ่านหินส่วนใหญ่ที่ส่งมอบในไตรมาสนี้มีการตกลงราคาล่วงหน้าในช่วงกลางปี 52 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินมีการปรับตัวลดลงตามสภาวะตลาด นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งการบันทึกขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงิน โดยเฉพาะสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า(Coal Swap)จำนวน 117 ล้านบาท เทียบกับกำไรจำนวน 794 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาส 1/53 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นผลจากการดำเนินงานที่ราบรื่น โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีกลับมาดำเนินงานตามปกติหลังจากหยุดซ่อมบำรุงประจำปีเมื่อปลายปี 52

บริษัทฯ รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จำนวน 998 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 172 ล้านบาท) ในขณะเดียวกันมีการบันทึกกำไรสุทธิจาก บริษัท Banpu Power Investment (China) Ltd. หรือ BPIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีน จำนวน173 ล้านบาท และเงินปันผลจากเงินลงทุนในบริษัทผลิตไฟฟ้าอีกแห่งหนึ่งจำนวน 250 ล้านบาท

สำหรับรายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ มีจำนวน 15,251 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 1,627 ล้านบาทหรือร้อยละ 12 แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 1,638 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของรายได้จากการขายรวม

ส่วนรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินมีจำนวน 13,613 ล้านบาท หรือร้อยละ 89 ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,269 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 เป็นผลจากปริมาณการจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.156 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากแผนการปรับปรุงและขยายการผลิตถ่านหินของเหมืองในอินโดนีเซียที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 52 ที่ผ่านมา

"ธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนซึ่งบ้านปูฯ รับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้น มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากธุรกิจถ่านหินในจีนจำนวน 1,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 จากไตรมาส 4/52 แต่ปรับลดลงร้อยละ 8 จากงวดเดียวกันในปีก่อน" นายชนินท์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ