บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่ระดับ “A+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของบริษัทด้วยตราสินค้าที่มีชื่อเสียงความได้เปรียบด้านต้นทุนจากการประหยัดจากขนาดในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์และกระดาษชำระ และคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงท่ามกลางปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันจากการประหยัดจากขนาด รวมทั้งจากการมีนวัตกรรมของสินค้า และความสามารถในการรักษาลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ยาวนานในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว โดยที่การลงทุนหรือการขยายธุรกิจในอนาคตจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้เพิ่มขึ้นมากเกินไป
ในช่วงเริ่มต้น BJC ดำเนินธุรกิจหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการให้บริการ บริษัทมีประวัติการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2544 เมื่อกลุ่มบริษัททีซีซีซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนภายใต้การบริหารงานของตระกูลสิริวัฒนภักดีกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งออกได้เป็น
1) กลุ่มสินค้าและบริการทางอุตสาหกรรม ซึ่งจำหน่ายสินค้าและให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้างและวิศวกรรม 2) กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค 3) กลุ่มสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ซึ่งเน้นสินค้าและบริการด้านเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
4) กลุ่มสินค้าและบริการด้านเทคนิค ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิค เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์เครื่องเขียน และ 5) ธุรกิจอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และธุรกิจสารสนเทศ บริษัทมีรายได้ในปี 2552 ทั้งสิ้น 22,799 ล้านบาท เติบโต 2.5% จากปีก่อน กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัทในสัดส่วน 47% ของรายได้รวม
ในขณะที่รายได้จากสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคคิดเป็น 31% และจากกลุ่มเวชภัณฑ์รวมกับกลุ่มสินค้าเทคนิคคิดเป็น 20% โดยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศและธุรกิจสารสนเทศยังมีรายได้ไม่มาก
ธุรกิจของ BJC มีลักษณะที่หลากหลายทั้งในด้านสินค้าและบริการรวมถึงแหล่งรายได้ที่หลากหลาย บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม กระดาษชำระ และขนมขบเคี้ยว โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท รายได้จากสินค้าด้านเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์สร้างสมดุลที่ดีให้แก่กลุ่มธุรกิจโดยรวมของบริษัท การมีฐานการผลิตขนาดใหญ่ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด
ตลอดจนมีอำนาจต่อรองกับผู้จัดหาวัตถุดิบและผู้จัดจำหน่ายสินค้า และมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แม้บริษัทจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค แต่การมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งก็ช่วยตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเหนือคู่แข่ง
ฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งซึ่งเสริมโดยกระแสเงินสดที่มาจากหลายแหล่ง รวมทั้งสภาพคล่องที่เพียงพอ และภาระหนี้ที่มีปานกลาง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายในปี 2552 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 12.98% เทียบกับ 11.87% ในปี 2551 อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผ่อนคลายลง
ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานเติบโต 10.3% จากปีก่อน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สภาพคล่องของบริษัท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็เพิ่มขึ้นเป็น 43.1% จาก 35.5% ในปี 2551
ภาระหนี้สินของบริษัทในปี 2552 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยโดยวัดจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ลดลง เงินกู้รวมของบริษัทประกอบด้วยหนี้ระยะสั้นในสัดส่วนที่สำคัญ โดยบริษัทจะนำเงินกู้ในส่วนนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทสำรองสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่เพียงพอเพื่อใช้รองรับความเสี่ยงจากภาวะทางการตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย