นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 วันนี้เป็นผลมาจากปัจจัยต่างประเทศ หลังจากชาติยุโรปออกมาตรการแก้ไขปัญหาของกรีซ เพื่อไม่ให้ผลกระทบลุกลามในวงกว้าง ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวโจนส์บวกไปถึง 4-5% และส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวมในเอเซีย ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5-1.0%
ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศก็มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากทุกฝ่ายเห็นแนวทางเดียวกันในกระบวนการปรองดองเพื่อในยุติปัญหาข้อขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาในประเทศกรีซไม่มีผลโดยตรงต่อบริษัทจดทะเบียนของไทย โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ไทยก็ไม่ได้มีการลงทุนในกรีซ แต่อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมในด้านการส่งออก หากเศรษฐกิจโลกมีปัญหา
นางภัทรียา ยังกล่าวถึงการที่ นายจรัมพร โชติกเสถียร ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการและผู้จัดการ ตลท.คนใหม่เชื่อว่าจะสามารถสร้างองค์กรให้เข้มแข็งได้ เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะพัฒนาตลท.ให้เติบโตต่อไปได้ โดยเมื่อ เม.ย.53 มีการพูดคุยกับผู้บริหารและพนักงาน ตลท.ทุกฝ่ายแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา
สำหรับแผนการแปรรูป ตลท.ได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคระรัฐมนตรี(ครม.)ฆในวันนี้ โดยระยะเวลาดำเนินการขึ้นอยู่กับขั้นตอนการพิจารณากฎหมาย แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อาจมีผลกระทบต่อแผนการแปรรูปบ้าง แต่เชื่อว่าคงจะไม่ล่าช้ามากนัก
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า การที่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง (BTS) มีการปรับโครงสร้างธุรกิจส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตและทำให้มูลค่าหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น และยังส่งผลให้นักลงทุนมีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ บมจ.อินโดรามา (IVL) และ BTS ทำให้มาร์เก็ตแค็ปของตลาด เพิ่มขึ้นเป็น 8.8 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากปีก่อน ที่จะมีบริษัทจดทะเบียนใหม่ เพียง 3 หมื่นล้านบาท จากจำนวน 11 บริษัทเท่านั้น