นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ในช่วง 10 วันแรกของเดือน พ.ค.53 ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 60% จากเดือน เม.ย.53 อยู่ที่ระดับ 72% ทั้งนี้ เป็นผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อและเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ทำให้ผู้โดยสารต่างประเทศไม่เดินทางมาประเทศไทย
"ตัวเลขเดือนพ.ค. แย่ เพราะปกติแย่อยู่แล้วยิ่งแย่ยิ่งขึ้น ทั้งจีน อิoเดีย ญี่ปุ่นตื่นกลัว และประเทศยุโรปประกาศไม่ให้เข้ามประเทศไทย ตอนนแรกคิดว่าเดือนเม.ย. จะขาดทุนแต่ก็ยังมีกำไร แต่พ.ค.ไม่ดีเลย"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเดือนมิ.ย.Cabin Factor จะฟื้นกลับมาดี หากการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับ จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลกในทวีปแอฟริกาใต้ ซึ่งการบินไทยจึงกลับมาเปิดบินในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ - โจฮันเนสเบิร์ก โดยจะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.53 โดยยอดจองตั๋วโดยสารในช่วงแรกแล้ว 90% ซึ่งจะต้องหาผู้โดยสารให้ได้ประมาณ 70% จึงจะไม่ขาดทุน
นายปิยสวัสดิ์ คาดว่า เส้นทางบินนี้จะสามารถคุ้มทุนได้ในปีที่ 2-3 ทั้งนี้การบินไทยเคยเปิดเส้นทางบินกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ครั้งแรกในปี 49 และทำการบิน 2 ปี ก็ประสบปัญหาขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท จึงตัดสินใจปิดการบิน เพราะเศรษฐกิจตกต่ำและราคาน้ำมันขึ้นสูง แต่ทั้งนี้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไปสามารถควบคุมได้ โดยขณะนี้บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 47% ประกอบกับเปลี่ยนมาใช้เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 ER ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่า แบบแอร์บัส 340-600
สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียนนั้น นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนจะไม่ทันในไตรมาส 2/53 แต่อาจจะเป็นต้นไตรมาส 3/53 ซึ่งพยายามเร่งดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด