ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 36.88 จุด เหตุตลาดยังกังวลปัญหาหนี้ยุโรป

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 12, 2010 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซและป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามไปทั่วยุโรปได้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 36.88 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 10,748.26 จด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.94 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 1,157.79 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.64 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 2,375.31 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.047 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความไม่มั่นใจที่ว่า มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซและป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามไปทั่วยุโรปได้หรือไม่ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันไปถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำให้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคน รวมถึงนักวิเคราะห์จากอาร์ทติโอ โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ และจากไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในรัฐนิวยอร์ก เชื่อมั่นว่า ปัจจัยพื้นฐานในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ มากกว่าที่จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรปมากเกินไป โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 290,000 อัตรา ทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความวิตกกัววลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อของจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนเม.ย. 2553 ขยายตัวขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี มากกว่าเดือนมี.ค.ที่ขยายตัวเพียง 0.4%

ทั้งนี้ หุ้นอินเทล คอร์ป ปิดร่วง 1.2% หลังจากซีอีโอของอินเทลคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจะปรับตัวขึ้นไม่มากนักแม้ดีมานด์ชิปคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นก็ตาม

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมี.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนเม.ย.

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ