THCOM มั่นใจปี 53 กำไร อาจเริ่มเห็นปลาย Q2 หลังรับรู้ฯอินเดีย-ญี่ปุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 12, 2010 12:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม(THCOM) มั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะพลิกเป็นกำไรได้ตามความคาดหมาย แม้ว่าไตรมาสแรกจะยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่เชื่อว่าจะเริ่มเห็นมีกำไรตั้งแต่ราวปลายไตรมาส 2/53 หรือต้นไตรมาส 3/53

"กำไรน่าจะเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาส1/53 แต่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลาว เขมร มีผลใช้บริการลดลงเนื่องจากการแข่งขันสูง ทำให้ประสบปัญหา ซึ่งธุรกิจดาวเทียมเพียงอย่างเดียวมีกำไร ดังนั้นกำไรคงเห็นปลายไตรมาส 2 ต้นไตรมาส 3 ของปีนี้"นายอารักษ์ กล่าว

THCOM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/53 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.53 มีรายได้รวม จำนวน 1,814 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิรวม 157 ล้านบาท

นายอารักษ์ กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทคงเป้ารายได้รวมเติบโต 30% แม้จะมีสถานการณ์การการเมืองที่วุ่นวาย ณ ขณะนี้ เพราะบริษัทรับรู้รายได้จากไอพีสตาร์เป็นหลัก และในไตมาส 2/53 จะรับรู้รายได้จากลูกค้าไอพีสตาร์รายใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ราย โดยจ่ายเงินล่วงหน้ามาจำนวน 326 ล้านบาท แต่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/53 เนื่องจากจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการ เม.ย.53 เป็นต้นไป

ส่วนการให้บริการไอพีสตาร์ที่ประเทศอินเดียนั้น ขณะนี้สถานีฐานที่เมืองเดลีและมุมไบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการโอนย้ายลูกค้าจากดาวเทียมดวงอื่นมายังไอพีสตาร์ คาดว่าไตรมาส 2/53 จะสามารถเซ็นสัญญาและเริ่มรับรู้รายได้ ส่วนการให้บริการในประเทศจีนยังรอให้การแก้ไขปัญหาของระบบโทรคมนาคมของจีนแล้วเสร็จก่อน

ทั้งนี้ รายได้จากไอพีสตาร์จะผ่านจุดคุ้มทุนต่อเมื่อมีการใช้พื้นที่ช่องสัญญาณถึง 15% ซึ่งขณะนี้แม้ยังไม่รวมรายได้จากลูกค้ารายใหญ่จากญี่ปุ่น อัตราการใช้ช่องสัญญาณก็อยู่ที่ 10% แล้ว

สำหรับการให้บริการโครงข่ายในประเทศลาวและกัมพูชา นั้น บริษัทจะเน้นการปรับเน็ตเวิร์คและคุณภาพการให้บริการเพราะเชื่อว่าลูกค้ากลับมาได้ถ้าเครือข่ายดี จากเดิมที่การเน้นการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่มองว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลาวและกัมพูชายังเติบโตได้ โดยที่ประเทศลาวบริษัทยังเป็นเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 70-80% แต่ที่เขมรยังเป็นที่ 2-3 มีส่วนแบ่งตลาด 20-30%

ส่วนแนวโน้มการสร้างดาวเทียมดวงใหม่เพื่อทดแทนดาวเทียมไทยคม 2 อยู่ที่รัฐบาลและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ที่จะพิจารณา แต่บริษัทยืนยันความพร้อมในการลงทุน แต่ยอมรับว่าปัญหาการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะบริษัทอิงกับภาครัฐบาล ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการสัมปานดาวเทียมสื่อสาร

"ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่พอมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเข้ามาทำให้กระทบความเชื่อมั่นกับลูกค้าต่างประเทศ เรายังต้องเข้าไปเคลียร์กับลูกค้า ส่วนความเสียหายจะเหมือนกับไอทีวีหรือไม่ไม่สามารถตอบได้"นายอารักษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ