นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผุ้จัดการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เติบโต 30% ภายใน 2 ปี หลังจากบริษัททยอยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากที่ดินที่มีอยู่ ซึ่งในปีนี้จะเปิดตัว 2-3 โครงการ รวมถึงธุรกิจโรงแรมที่จะช่วยเพิ่มรายได้มาให้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการเจรจากับผุ้ร่วมทุนที่มีความสนใจเข้ามาพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 3-4 ราย คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ ส่วนรูปแบบการเข้าร่วมทุนอาจมีในลักษณะในเป็นเจ้าของที่ดิน และให้บริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการ
สำหรับการพัฒนาโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม 2 โครงการแรก มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ได้ร่วมกับบริษัท ฮิบเฮง จำกัด บริษัทก่อสร้างจากประเทศฮ่องกง เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการ โดยจุดเด่นจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับทำเลใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่เกิน 250 เมตร
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการ จากปัจจุบันมีมูลค่าที่ดิน 13,000 ล้านบาท และเชื่อว่าการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยโครงการ "แอ็บแตร๊ก พหลโยธิน พาร์ค"เป็นการซื้อสินทรัพย์มาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) มูลหนี้ 2,000 ล้านบาท และในอนาคตมีโอกาสที่จะเข้าซื้อทรัพย์เพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับทำเล และความเหมาะสม
"ตอนนี้รายได้หลักของบีทีเอสกรุ๊ป คงมาจากธุรกิจขนส่งมากกว่า ขณะที่ธุรกิจอสังหาฯจะสร้างรายได้อย่างมีนัยคงอีก 2 ปี แต่การที่เรามีทั้งสองธุรกิจที่เชื่อมกันได้ดี ทำให้เรามีอาวุธที่สามารถแข่งขันกับรายอื่นได้ไม่ยาก" นายกวิน กล่าว
ด้านสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ สายปฎิบัติการ BTS กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าบริหาร หรือลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มองไว้ในหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม อินเดีย มาเก๊า โดยเชื่อว่าศักยภาพของบริษัทสามารถดำเนินโครงการได้
แต่ทั้งนี้จะต้องมีการศึกษาให้รอบคอบ เนื่องจากในบางประเทศ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน และในอนาคตบริษัทยังมีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์