โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"TPC ปันผลสูง,รง.เวียดนามเดินเครื่อง-ลุ้นผลมาบตาพุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 12, 2010 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC)มองเป็นหุ้นดี มีจุดแข็งจ่ายเงินปันผลสูง ผลตอบแทน(yield)ประมาณ 8-10% ต่อปี และราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี upside สูง

โบรกเกอร์บางรายเตรียมที่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังจากที่งบฯไตรมาส 1/53 ออกมาดี โดยกำไรเติบโตถึง 60% แม้ว่าไตรมาส 2/53 อาจอ่อนตัวลง แต่คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3/53 ผลกำไรที่ประมาณการไว้ประมาณ 60% จะกระจุกตัวอยู่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากครึ่งปีแรกเป็นช่วง low season และราคา PVC ยังไม่สูง

ดังนั้น ผลการดำเนินงานในปี 53 คาดว่าจะดีกว่าปี 52 สเปรด PVC น่าจะดีขึ้น และโรงงานเวียดนามเริ่มดำเนินการผลิตแล้ว รับรู้รายได้บ้างตั้งแต่หลังพ.ค.ก่อนจะผลิตเต็มที่ในปี 54 ดังนั้น ภาพธุรกิจในปี 54 น่าจะชัดเจนขึ้นกว่าปี 53 พร้อมประมาณการกำไรสุทธิของ TPC ในปี 53 ในช่วง 1,771-2,075 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปีที่แล้วมี 1,866 ล้านบาท

ส่วนปัญหาโครงการในมาบตาพุดทั้ง PVC และ VCM ที่ติดขัดอยู่ 2 โรงงาน ขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าทางบวกมากขึ้น หลังจากมีข่าวล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย.ว่าโรงงานในกลุ่มปิโตรเคมีไม่น่าเข้าข่ายโครงการที่มีผลกระทบร้ายแรง หากผลสรุปออกมาในทางบวกจะทำให้ TPC สามารถเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ทั้งสองโรงงานอย่างเต็มที่ได้ในปี 54

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เอเชีย พลัส           ซื้อ               23.72
          บล.ทรีนิตี้                ซื้อ               21.00
          บล.คันทรี่ กรุ๊ป            ซื้อ               20.00
          บล.ทิสโก้                ซื้อ               20.70
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)    ซื้อลงทุน           21.00
          บล.เกียรตินาคิน           ซื้อ               21.00

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น TPC เนื่องจากเป็นหุ้น Defensive ไม่เหวี่ยงไปตามภาวะตลาดฯมาก อีกทั้งมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างดี ในอดีตถือเป็นจุดแข็งของ TPC ด้วยซ้ำ โดยปกติจะจ่ายเงินปันผลในระดับ 1.6-1.7 บาท/หุ้น ปีนี้ก็คาดว่าจะจ่ายในระดับนี้เช่นกัน ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันที่ 18.20 บาท ก็จะให้ yield ที่ระดับ 8% นอกจากนี้ บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด อาจจะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีก

ส่วนปี 52 TPC มีการจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าปกติโดยจ่ายแค่ 1.4 บาท/หุ้น เนื่องจากผลกำไรปรับตัวลงค่อนข้างมาก เพราะสเปรดของ PVC ไม่ดี อีกทั้งมีการปิดโรงงานแห่งหนึ่งเพื่อย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 53 คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน เชื่อว่าสเปรด PVC น่าจะดีขึ้น และโรงงานที่ย้ายไปตั้งที่เวียดนามน่าจะทำให้กำลังการผลิตกลับคืนมา คาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาส 3/53 แต่คงไม่ได้ทำให้กำไรขยายตัวมาก เพราะกำลังการผลิตยังไม่เต็มที่ แต่คงจะมีกำลังการผลิตเต็มที่ในปี 54 ซึ่งก็น่าจะทำให้ TPC มีกำไรสุทธิอยู่เหนือระดับ 2 พันล้านบาทได้

นายมงคล กล่าวต่อว่า ประมาณการกำไรสุทธิของ TPC ในปีนี้ไว้ที่ 1,771 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,866 ล้านบาท แต่หลังจากที่งบไตรมาส 1/53 ออกมาดี ทำให้อาจจะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรใหม่

ขณะที่ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น TPC ในปัจจุบันยังมี upside สูงถึง 31% จากราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 23.72 บาท/หุ้น และหุ้น TPC เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงมาก โดยให้ Yield เกิน 10%

นอกจากนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/53 ที่ประกาศออกมากำไรเติบโตสูงประมาณ 60% แม้ว่าในไตรมาส 2/53 จะอ่อนตัวเล็กน้อย แต่ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาส 3/53

ทั้งนี้ 60% ของผลประกอบการจะกระจุกตัวอยู่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/53)เนื่องจากครึ่งปีแรกเป็นช่วง low season และราคา PVC ก็ยังไม่สูง แต่ H2/53 โรงงานในเวียดนามน่าจะดำเนินการผลิตได้แล้ว ซึ่งก็จะช่วยทำให้กำลังการผลิตมีมากขึ้น พร้อมประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 2,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2552)ที่มีกำไรสุทธิ 1,866 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ควรจะติดตามเรื่องปัญหาในมาบตาพุดด้วย เพราะ TPC มีโรงงาน PVC และ VCM ติดอยู่ 2 โรงงาน(อยู่ระหว่างก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ) ขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้าทางบวกมากขึ้น หลังจากมีข่าวล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบกับโรงงานในกลุ่มปิโตรเคมีว่าไม่น่าจะเข้าข่ายโครงการที่มีผลกระทบร้ายแรง ซึ่งหากผลสรุปออกมาในทางบวกจะทำให้ TPC สามารถเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์สำหรับโรงงาน PVC และ VCM อย่างเต็มที่ได้ในปี 54

น.ส.วชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า TPC หุ้นดี, P/E ต่ำ, จ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดี 6-7% ต่อปี โดยปีนี้ผลงานของ TPC น่าจะทรงตัว โรงงานที่ไปตั้งที่เวียดนามได้เริ่มผลิตแล้วในตอนนี้ ทำให้กำลังการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนเอทิลีนยังไม่ปรับตัวลงทั้งที่ควรจะลงได้แล้ว แต่เชื่อว่าจะปรับลงในครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ ภาพธุรกิจในปี 54 น่าจะชัดเจนขึ้นกว่าปีนี้ หลังจากกำลังการผลิตเพิ่มได้เต็มที่ ทั้งในส่วนการผลิตของเวียดนาม ซึ่งจะเริ่มรับรู้ฯ หลังพ.ค.53 และการขยายกำลังการผลิตที่มาบตาพุด คาดว่าทำ HIA เสร็จและเริ่มผลิตได้เต็มที่ปี 54 แต่ซับพลายในประเทศล้นตลาด คาดว่าต้องหวังพึ่งตลาดใหม่ในย่านอาเซียน รวมถึงมีผลิตภัณฑ์พลาสติกใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาใช้แทนวัตถุธรรมชาติ เช่นไม้ ปูน เหล็ก

พร้อมประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ของ TPC ไว้ที่ 2,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,866 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ