(เพิ่มเติม) CPF คาดปี 53 กำไรโตไม่ต่ำกว่า 20% หลังปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็นโต 15-20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 12, 2010 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) คาดว่า ในปี 53 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 8.6 พันล้านบาท หลังจากบริษัทปรับประมาณการรายได้เติบโตเพิ่มเป็น 15-20% จากเดิม 10% หลังจากผลประกอบการไตรมาส 1/53 ออกมาดีกว่าคาด

"ในปีนี้กำไรในไตรมาสแรกอยู่ที่ 3 พันกว่าล้านบาท เป็นกำไรที่ดีกว่าที่ตั้งไว้ แต่เรามองว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาสแรก และแนวโน้มธุรกิจทั้งปีจะดีกว่าปีที่แล้วมาก...4 ไตรมาส ถ้านับเฉลี่ยกำไรจากไตรมาส 1 ที่มี 3 พันกว่าล้านบาท กำไรปีนี้เราจะเข้าสู่ 12,000 ล้านบาท" นายอดิเรก กล่าว

อนึ่ง CPF รายงานว่าไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิ 3,224 ล้านบาท เติบโต 318% และมียอดขาย 43,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายอดิเรก คาดว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 2-3/53 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/53 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และมีปริมาณการส่งออกจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจสัตว์น้ำ และปีนี้แม้จะมีอากาศร้อนทำให้ผลผลิตหมู และไก่ที่ออกสู่ตลาดคาดว่าลดลง 10-20% แต่ส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทอาจส่งออกลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย เหลือสัดส่วน 13% จากปีก่อนส่งออก 15% เนื่องจากราคาขายในประเทศดีกว่าส่งออก แต่เชื่อว่าผลผลิตเนื้อหมู ไก่ ในประเทศจะไม่เกิดการขาดแคลน ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ของบริษัทหันมาเน้นรายได้จากอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น ประกอบกับ ราคาขายในปีนี้สูงขึ้น และการลงทุนในต่างประเทศมีสัดส่วนมากขึ้นประมาณ 25% จากปีก่อน 18% รวมทั้งได้รับผลกำไรจากการเข้าถือหุ้น บมจ.ซีพี ออล์ (CPALL) อยู่ 27% ซึ่งเป็นบริษัททีมีอัตราเติบโตและได้รับผลกำไรในไตรมาสแรกที่ผ่านมากว่า 400 ล้านบาท และทั้งปีมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้ของบริษัทเติบโตได้มากขึ้นด้วย ในส่วนการลงทุนในต่างประเทศ นายอดิเรก กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศตุรกี เป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด รองลงมาเป็น อินเดีย, มาเลเซีย, ไต้หวัน, เวียดนาม, รัสเซีย และ ฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทมีแผนเริ่มเข้าลงทุนในเคนยาและแทนซาเนียปลายปีนี้

นายอดิเรก เชื่อว่า ปีนี้การส่งออกกุ้งจะดีมาก เบื้องต้นตั้งเป้าไว้ 5.2 หมื่นตัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีการส่งออกระดับ 3.2 หมื่นตัน แต่แนวโน้มน่าจะดีกว่าที่คาด เพราะผลผลิตกุ้งในตลาดโลกลดลง และผลกระทบจากน้ำมันรั่วในสหรัฐที่การนำเข้ากุ้งจากอ่าวเม็กซิโกลดลง ส่งผลให้ผู้ค้าเปลี่ยนมาสั่งกุ้งจากไทยแทน

ขณะที่การส่งออกไก่ก็จะยังส่งออกได้ดี และยิ่งหากทางการญี่ปุ่นอนุญาตให้ไทยส่งออกไก่สดแช่แข็งก็ยิ่งเป็นข่าวดี หล้งจากที่ไทยเกิดโรคระบาดไข้หวัดนกเมื่อปี 47 ไม่ได้ส่งออกไก่แช่งแข็งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นายอดิเรก กล่าววา บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในแง่ของวัตถุดิบอาหารสัตว์ คือกากถั่วเหลือง และข้าวโพด โดยบริษัทได้ซื้อกากถั่วเหลืองล่วงหน้าจากต่างประเทศในราคาต่ำกว่าปัจจุบันที่ 14-15 บาท/กก.ราว 20% ไปถึงเดือนต.ค. ส่วนข้าวโพด ราคาขณะนี้อยู่ที่ 9.30 บาท/กก.ซึ่งมีมีสต็อกอยู่แล้วที่ราคาต่ำกว่าตลาดประมาณ 1 บาท/กก. และเมื่อผลผลิตฤดูใหม่ที่คาดว่าจะออกในเดือนก.ค. ราคาอยู่ที่ประมาณกว่า 7 บาท/กก. บริษัทจะเข้าซื้อต้นฤดูกาลเพื่อสต็อกไว้ 4-5 เดือน

นายอดิเรก กล่าวถึงราคาหุ้น CPF ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก เพราะนักลงทุนเชื่อมั่นในตัวบริษัทมากขึ้นจากที่บริษัทสามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหมายไว้ และหลังจากที่ย้ายหลักทรัพย์เข้าซื้อขายในกลุ่มอาหาร ทำให้ราคาหุ้นยิ่งขยับสูงขึ้น 10 เท่า โดยขณะนี้ราคาขยับขึ้นมาซื้อขายบน P/E 12 เท่าแล้ว และคาดว่าในสิ้นปีนี้ราคาหุ้น CPF จะปรับขึ้นไป P/E 15 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ