นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและซีอีโอ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย)(SYNEX) คาดว่า รายได้ในปี 53 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 13,490 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งแรกของปี 53 คาดว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมืองจะยังร้อนระอุ แต่เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่แท้จริงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกได้อย่างคล่องตัว
และในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการให้บริการหลังการขายอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น และมุ่งขยายศูนย์บริการ และสาขาในภูมิภาค และเร่งขยายร้านไอทีรูปแบบทันสมัย ซีเน็ค ช็อป(Cnex shop)ซึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์ค้าปลีกของซินเน็คฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าอินเทรนด์ ให้กลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ และเพิ่มรายได้ไปในเวลาเดียวกัน จึงคาดว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
"ในปลายปีที่ผ่านมาเราได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่ โดยมุ่งควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ มุ่งเพิ่มโปรดักส์ใหม่ๆ เข้ามาจัดจำหน่ายให้หลากหลายยิ่งขึ้น และให้ความสาคัญกับการขายสินค้าที่เป็น Exclusive Brand มากยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ บริษัทประสบความสำเร็จ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างชัดเจน"นายสุพันธ์ กล่าว
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า บริษัทจะยังคงยึดนโยบายดังกล่าวในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งในไตรมาส 2/53 บริษัทจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Smart Mobile อย่างเต็มตัว หลังจากที่พบว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ดี
และในปีนี้หลังจากที่ได้สานต่อกลยุทธ์การขยยายธุรกิจแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้เห็นสัญญาณบวกสนับสนุนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของตลาดสินค้าไอที ที่พลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้งตามการฟื้นตัวของของเศรษฐกิจ และมีปัจจัยบวกจากกการเปลี่ยนเทคโนโลยี platform ใหม่ของ CPU intel และการเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ อย่าง Microsoft window 7 เข้ามากระตุ้นการใช้งานอุปกรณ์ไอทีของผู้บริโภค มีงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งเข้ามาสนับสนุนการใช้สินค้าไอทีในสถานศึกษาเชื่อว่าสนับสนุนให้ยอดขายสินค้าของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 1/53 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.53 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 71.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 118.47% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.92 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายและบริการรวมของบริษัทฯ ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 2/53 คาดว่ายอดขายจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ที่เป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยประเมินว่าในไตรมาส 2/53 จะมียอดขายเติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 3,300 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีกำลังซื้อกลับเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาในระบบ รวมทั้งมีงบประมาณจากภาครัฐ ที่เริ่มมีการเบิกจ่ายมากขึ้นในปีนี้
และในปีนี้บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น HP External Hardisk , Brother Printer รวมถึงสมาร์ทโฟน ที่บริษัทจะทยอยนำสินค้าออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นสินค้าที่ตลาดมีการเติบมากกว่า 20% ซึ่งขณะนี้บริษัทเริ่มเจรจากับ Vender หลายราย และเชื่อว่าจะมียอดขายตั้งแต่ไตรมาส 3/53 ต่อเนื่องถึง ไตรมาส 4/54 และจะเป็นสินค้าที่สร้างรายได้อย่างมีนัย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายกลยุทธอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทยอยการลงทุนสร้างอาคารสำนักงาน เพื่อรองรับการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขยายร้านค้า ซึ่งดำเนินต่อเนื่องถึงปีนี้ที่บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา Cnex shop เป็น 30 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวน 18 แห่ง
"ไม่อยากให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับราคาหุ้นของบริษัท เพราะผมเชื่อว่า ภายใต้ผลตอบแทนจากปันผล และปีนี้มีโอกาสที่จะจ่ายปันผลมากกว่าปีก่อน ที่จ่าย 22 สตางค์ และยังมีพีอีต่ำ" นายสุพันธุ์