ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลสเปนประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่ครอบคลุมถึงการลดยอดขาดดุลงประมาณ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่ายุโรปจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์การเงินไปได้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 148.65 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 10,896.91 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 15.88 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 1,171.67 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 49.71 จุด หรือ 2.09% ปิดที่ 2,425.02 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.37 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 6 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหายอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากนายกรัฐมนตรี โฆเซ่ หลุยซ์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ของสเปน ประกาศใช้มาตรการลดการขาดดุลงบประมาณขั้นเฉียบขาด ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดเพื่อรับประกันว่าประเทศจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับกรีซ
ปัจจุบัน สเปนมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 11% ของจีดีพี และล่าสุดสเปนประกาศเป้าหมายที่จะลดตัวเลขดังกล่าวลง 4.7% ภายในปี 2554 ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลดการขาดดุลครั้งใหม่นั้น รวมถึงการลดเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ย 5% ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ และระงับการขึ้นเงินเดือนในปี 2554 ซึ่งรัฐบาลสเปนคาดว่าจะช่วยลดรายจ่ายได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลาสองปี
สเปนกำลังถูกกดดันจากสหภาพยุโรปให้ดำเนินการรวดเร็วกว่านี้ในการลดหนี้สาธารณะ ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการหั่นรายจ่าย และการขึ้นภาษี แม้แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ก็ได้โทรศัพท์ถึงนายกรัฐมนตรีสเปนเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สินที่มีชนวนมาจากกรีซอาจลุกลามไปทั่วภูมิภาคยุโรปและฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท ที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศประจำไตรมาสแรกของปี 2553 ขยายตัว 0.2% จากไตรมาสสี่ปี 2552 ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคส่งออกช่วยชดเชยวิกฤตหนี้กรีซและการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ยังซบเซา
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นซิสโค ซิสเต็มส์ ปิดพุ่ง 3% ส่วนหุ้นอินเทลปิดบวก 3.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าดีมานด์ชิปคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนรายได้ดีดตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นไอบีเอ็มปิดบวก 4.6% หลังจากบริษัทคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้เนื่องจากบริษัทเอกชนซื้อคอมพิวเตอร์มากขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.