นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ (HTECH) เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะเพิ่มฐานการผลิตไปตามแหล่งการลงทุนยังประเทศต่างๆ ตามสัดส่วนที่เหมาะสม และเน้นส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น High Margin มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศ 40% ส่วนในประเทศอยู่ที่ 60% ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แม้ในระยะสั้นจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อาจเกิดการย้ายฐานการลงทุนหรือฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติไปยังประเทศอื่นๆ ได้ ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"เหตุการณ์การเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องติดตาม แม้ช่วงสั้นจะไม่กระทบมากนัก แต่ในอนาคตอาจจะทำให้ประเทศผู้ผลิตอย่างเรา รวมถึงประเทศอื่นๆ ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ได้ ทางรอดของบริษัทฯ อาจจะต้องหันมาเพิ่มฐานการผลิตตามแหล่งการลงทุนไปยังประเทศนั้นๆ เนื่องจากพบว่าความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive:HDD) ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นพร้อมกันทั้งภูมิภาค ซึ่งลูกค้าในต่างประเทศของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" นายพีทกล่าว
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive:HDD) ในครึ่งปีหลังน่าจะยังขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเชื่อว่ายังคงมีความต้องการสูงสม่ำเสมอไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งในส่วนของบริษัทเองยังคงเป็นการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ทั้งด้านการบริหาร การผลิต และการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของ Technology ในอุตสาหกรรมต่างๆ
อีกทั้งการทำ R&D ยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เปิดทางเลือกให้กับอุตสาหกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทางฝ่ายบริหารต้องพยายามเพิ่มความเป็นเจ้าของร่วมกับพนักงานทั้งบริษัทเราปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ และเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าๆ และหาลูกค้าใหม่ๆ เพิ่ม บริษัทยังคงต้องรักษาระดับคุณภาพสินค้า การออกแบบลักษณะของ Cutting Tool ให้ลดเวลาทำงานให้กับลูกค้าได้ การบริการต้องฉับไว และราคาต้องสมเหตุสมผล เพื่อให้ลูกค้ายอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทในภาพรวม
นายพีท กล่าวว่า ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 1/53 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากเครื่องจักรใหม่ เดิมคาดว่าจะเข้ามา 5 เครื่องในปลายเดือนมี.ค.53 แต่บางส่วนเข้ามาก่อน จึงทำให้กำลังการผลิตมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ความต้องการใช้ cutting tools ของลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องใช้อัตราการผลิตเต็ม 100% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางช่วงการผลิตก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เข้ามา
ทั้งนี้บริษัทจะทบทวนแผนลงทุนใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังต่อไป ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/53 น่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือเพิ่มขึ้น 40%
สำหรบ ผลประกอบการไตรมาส 1/2553 บริษัท มีอัตรากำไรสุทธิ 22.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 15.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 221.69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.10 ล้านบาท มาจากยอดขายเพิ่มขึ้นและต้นทุนขายลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก33.68% ในไตรมาส 1/52 เป็น 43.52% ในไตรมาส 1/53 หรือ เพิ่มขึ้น 9.84%