นางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี(TKS) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/53 คาดว่าธุรกิจของบริษัทฯ ยังได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ทำให้ความต้องการใช้สินค้ากระดาษและสิ่งพิมพ์ เพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้ยอดขายของกระดาษและสิ่งพิมพ์เพิ่มมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53
บริษัทฯยังได้รับประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคากระดาษราว 5-10% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับงานใหม่ที่มีมูลค่าสูงเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ ต้องเปิดทำการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงไตรมาส 2 จึงทำให้ในช่วงดังกล่าวคาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 53 ยังเติบโตในทิศทางที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับแนวโน้มธุรกิจสิ่งพิมพ์ในปีนี้ว่า ยังมีทิศทางค่อนข้างสดใส เนื่องจากลูกค้าจากต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจงานพิมพ์ของบริษัทฯ มากขึ้น หลังจากที่ได้รับรางวัลจากการประกวดงานพิมพ์ในระดับนานาชาติหลายรางวัลในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า บริษัทจะสามารถผลิตงานพิมพ์ได้ในระดับเวิลด์คลาส และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานพิมพ์จากประเทศไทย ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมากขึ้น ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้จากลูกค้าต่างประเทศเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ จากปีก่อนที่อยู่ในสัดส่วน 10%
นอกจากนี้ธุรกิจงานพิมพ์ในประเทศเชื่อว่าในปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจการบริหารคลังสินค้า งานพิมพ์ดิจิตอล และงานพิมพ์ Advance&Security เพราะเป็นงานที่รองรับความต้องการลดต้นทุนของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยธุรกิจบริหารคลังสินค้าของบริษัท มุ่งให้ลูกค้าลดภาระเรื่องการจัดพิมพ์ จัดเก็บ และจัดส่งเอกสารทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าตลาดเหล่านี้จะขยายตัวได้ และเมื่อรวมกับงานอื่นๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจการพิมพ์ในปีนี้ เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,001.65 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมุ่งผลักดันให้กำไรเติบโตไปในทิศทางเดียวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยได้หันมาบริหารต้นทุน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างระมัดระวังและต่อเนื่อง ทั้งการลดการสูญเสียของกระบวนการผลิต ลดต้นทุนการขนส่งและอื่นๆ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากในไตรมาสที่ 1/53 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 21.1% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 16.4% ถือเป็นอัตตราที่เพิ่มขึ้นถึง 40% คาดว่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีได้ เช่นเดียวกัน ซึ่งยังไม่รวมการรับรู้รายได้จากเงินปันผลในบริษัทร่วม คือ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ประมาณ 40%