น.ส.อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอลูกค้าบางรายตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อที่ดิน แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ใช่รายใหญ่ และเห็นว่าที่ลูกค้าชะลอออกไปน่าจะเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจโลกมากกว่าปัจจัยการเมืองของไทย จึงเชือว่าบริษัทไม่รับผลกระทบจากปัญหาชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นเวลานี้ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญที่เป็นชาวญี่ปุ่น สัดส่วน 70% อาศัยอยู่ในไทยมานานได้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมของไทยดี
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่ายอดขายที่ดินทั้งปีนี้ทำได้ตามเป้าราว 400-500 ไร่ โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมาขายที่ดินได้กว่า 100 ไร่ และรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 6 พันล้านบาท
"ที่ผ่านมาก็มีการสอบถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งเราเชื่อว่ารายใหม่อาจจะรอดูสถานการณ์ ก็เหมือนกับนิคมฯรายอื่น แต่ของเราส่วนใหญ่เป็นลูกค้าญี่ปุ่น ที่มีความคุ้นเคยและเข้าใจสถานการณ์ในไทย เราจึงเชื่อว่าเป้าขายที่ดินที่ตั้งไว้ยังทำได้ ซึ่งไม่ได้มากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว"น.ส.อมรา กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้รายได้จากสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยเฉพาะรายได้จากโรงไฟฟ้าที่ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% จาก 4 พันกว่าล้านบาทในปีก่อน เพราะส่วนใหญ่อุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจส่งออกจะมีการผลิตต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทยังทยอยรับรู้โครงการคอนโดมิเนียมในจีนอีกด้วย
น.ส.อมรา กล่าวว่า ถ้าสถานการณ์การเมืองควบคุมไม่ได้จะเกิดผลกระทบกับประแทศแน่นอน โดยเฉพะด้านส่งออกจะหันไปใช้ประเทศอื่นเป็นฐานการผลิตเทน เพราะฉะนั้นควรจะเร่งหาทางออก และมองว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนของธุรกิจต่างประเทศอยู่
ส่วนการลงทุนในปีนี้ จะมีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมประมาณ 100 ไร่ ซึ่งถือเป็นนโยบายบริษัทจะซื้อที่ดินเพื่อขยายพื้นที่ในนิคมฯปีละ 100 ไร่ คาดใช้เงินประมาณ 80 ล้านบาท ขณะที่การดำเนินธุรกิจในจีน บริษัทไม่เร่งรีบเข้าไปซื้อที่ดินทำโครงการอส้งหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ทางการจีนยังมีนโยบายเข้มงวดกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ROJANA เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีรายได้หลักจากค่าสาธารณูปโภค รองลงมาเป็นรายได้จากการขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมหลักอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดระยอง