ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วง 114.88 จุด จากข่าวเยอรมนีเล็งห้ามทำ naked short selling

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 19, 2010 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาการเงินในยุโรปอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลเยอรมนีเตรียมออกคำสั่งห้ามทำธุรกรรม naked short selling หรือ การขายหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน ซึ่งเป็นการทำ short selling ประเภทหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินยูโรที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพด้านการเงินของยุโรป

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 114.88 จุด ปิดที่ 10510.95 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 16.14 จุด ปิดที่ 1120.80 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 36.97 จุด ปิดที่ 2317.26 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.111 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

นักวิเคราะห์จากคีย์ ไพรเวท แบงค์ กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้น ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นรับข่าวประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้โอนเงินกู้ฉุกเฉินล็อตแรกให้กับกรีซแล้วเมื่อวานนี้ ก่อนที่พันธบัตรมูลค่า 8.5 พันล้านยูโร หรือ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ของกรีซจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันพุธที่ 19 พ.ค. ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นด้วย

แต่ในช่วงบ่าย ค่าเงินยูโรดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 1.2160 ดอลลาร์ เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลเยอรมนีเตรียมออกคำสั่งห้ามทำธุรกรรม naked short selling หรือ การขายหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน ซึ่งครอบคลุมถึงตราสารหนี้ของรัฐบาลและหุ้นของบริษัทการเงินหลายแห่ง โดยเยอรมนีกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน เนื่องจากการทำ naked short selling เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลกเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในปี 2551 ซึ่งในครั้งนั้นรัฐบาลสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย ได้ประกาศห้ามทำ naked short selling ก่อนที่จะมีการยกเลิกคำสั่งในช่วงหลายเดือนต่อมา

นักลงทุนกังวลว่าความเคลื่อนไหวของเยอรมนีในครั้งนี้อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจนำกฎห้ามทำ naked short selling กลับมาใช้อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้สหรัฐออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการใช้มาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าการร่วงลงอย่างหนักของสกุลเงินยูโรอาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลกด้วย

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ปิดร่วง 4.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปิดร่วง 3.4%

ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 27-28 เม.ย.

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ส่วนวันศุกร์ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ