นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวกับ “อินโฟเควสท์" ว่าบริษัทจำเป็นต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหม่ จากช่วงกลางเดือน มิ.ย.เป็นปลายเดือน มิ.ย. เพราะผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นและกังวลในการเข้ามาดูโครงการใหม่ หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจากการชุมนุมขยายวงกว้าง และวันนี้มีปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุม
โครงการใหม่ดังกล่าว คือ ลุมพีนี เพลส พระราม 9 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 2.6 พันล้านบาท และ โครงการคอนโดทาวน์รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งเหลือการเปิดอีก 1 ตึก จากทั้งหมด 4 ตึก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเปิดโครงการล่าช้าไปเล็กน้อยแต่บริษัทยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ปีนี้เหมือนเดิม มูลค่า 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจากสถานการณ์การเมืองทำให้ยอดขายบริษัทลดลงเหลือ 100 ล้านบาท จากเดิม 140 ล้านบาทต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ บริษัทไม่มีโครงการใหม่ที่เปิดตัวในช่วงนี้ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อย ซึ่งตามแผนบริษัทเปิดขายโครงการใหม่ช่วงไตรมาส 3-4 มากกว่า
นายโอภาส คาดว่า รายได้ในไตรมาส 2/53 จะมากกว่าไตรมาส 1/53 ที่มียอดรับรู้รายได้ที่ 1.4 พันล้านบาท เนื่องขณะนี้บริษัทมีมูลค่างานที่รอโอนกว่า 3 พันล้านบาทที่แบ่งเป็น โครงการลุมพีนีเพลสพระราม 9 ลุมพีนีเพลส บางแค
“ถ้าจะให้ผมจะประเมินถึงผลกระทบว่าจะส่งผลกระทบรายได้หรือไม่ ตอนนี้ไม่สามารถตอบได้ คงต้องมีการประเมินสุถานการณ์อีกทีเห็นผลกระทบที่ชัดเจนอีกครั้งถึงจะรู้ว่าเลวร้ายขนาดไหนแต่ตอนนี้ยังคงเป้ารายได้ที่ 9.6 พันล้านไว้ก่อนเพราะเชื่อว่าในท้ายที่สุดจะคลี่คลายประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคตัดสินใจไตรมาส 4"นายโอภาส กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เหตุการณ์ชุมนุมที่รุนแรงลุกลามมาถึงพื้นที่บ่อนไก่ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทได้รับผลกระทบด้านสำนักงานของบริษัทและสำนักงานอื่นที่เข้ามาเช่าพื้นที่ด้วย ซึ่งในส่วนของบริษัทมีพนักงานจำนวน 300 คนก็ได้ให้กระจายไปทำงานตามไซต์งานต่างๆ และขณะนี้ยืนยันว่าได้มีการปิดอาคารไม่ให้ผู้ใดเข้าไปและไม่ได้เปิดให้ใครเข้ามาหลบซ่อนแต่อย่างใด
นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทยังทยอยซื้อที่ดินเพิ่มมูลค่า 2.5 พันล้านบาทตามแผนงาน เพื่อรองรับการเติบโตในปีหน้า และยังเจาะลูกค้าขนาดกลางและระดับล่าง แม้กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จะรุกตลาดนี้มากขึ้น แต่บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้เพราะมีจุดเด่นที่ทำเลและราคาที่ลูกค้าพึงพอใจ