ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากรัฐบาลเยอรมนีบังคับใช้กฎห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นบริษัทการเงินรายใหญ่บางแห่งและตราสารหนี้ของรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกในตลาด
ดัชนี FTSE ร่วงลง 149.26 จุด หรือ 2.8% ปิดที่ 5,158.08 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าวที่ว่าสำนักงานกำกับดูแลทางการเงินของรัฐบาลกลางเยอรมนี (BaFin) มีคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลสำหรับหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน (naked short-selling) ซึ่งครอบคลุมถึงการห้ามทำ naked short-selling ในตราสารหนี้สกุลเงินยูโรที่มีความเสี่ยงสูง ตราสาร credit default swap (CDS) สกุลเงินยูโร และหุ้นของ 10 บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี รวมถึงดอยช์ แบงค์ เอจี และดอยช์ โพสต์แบงค์ เอจี
BaFin ระบุว่า คำสั่งห้ามทำ naked short selling มีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน และป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์การเงินลุกลามในยุโรป แต่นักลงทุนกังวลว่าท่าทีแข็งกร้าวของเยอรมนีอาจทำให้ปัญหาในระบบการเงินของยุโรปย่ำแย่ลงไปอีก
ข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นกลุ่มธนาคาร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 5.1% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 4.5% และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ปิดร่วง 3.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นเอ็กสตราต้าปิดร่วง 7.5% หุ้นริโอทินโตปิดลบ 6.7%