ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 125.38 จุด หลังร่วงสามวันติดต่อกัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 22, 2010 08:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวแรงจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาดเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นที่ตกลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยได้ปัจจัยหนุนจากข่าววุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปการเงิน และการช่วยเหลือยุโรปที่มีความชัดเจนมากขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 125.38 หรือ 1.25% ปิดที่ 10,193.39 จุด หลังจากที่ร่วงลงถึง 376.36 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดนับแต่ก.พ.2552

ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 16.10 จุด หรือ 1.50% ปิดที่ 1,087.69 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 25.03 หรือ 1.14% ปิดที่ 2,229.04 จุด

ในช่วงเปิดตลาด หุ้นยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากช่วงสามวันที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงรวมมากกว่า 550 จุดจนถึงวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนเทขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เพราะเกรงว่าวิกฤตหนี้ในยุโรปจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกหยุดชะงักและทำให้ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐได้รับผลกระทบไปด้วย ส่งให้ดัชนีหายไปเกือบ 150 จุด หลุดลงต่ำกว่าระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยนักลงทุนหันมาซื้อหุ้นที่มีราคาลดลงในช่วงหลายวันก่อน เมื่อเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากที่รัฐสภาเยอรมนีอนุมัติแผนการให้เยอรมนีมีส่วนเข้าร่วมในแพคเกจเงินกู้วิกฤตยูโรโซน

โดยทั้งสภาล่าง (Bundestag) และสภาสูง (Bundesrat) ของรัฐสภาเยอรมนี ได้ลงคะแนนเสียงอนุมัติงบ 1.48 แสนล้านยูโร (1.82 แสนล้านดอลลาร์) เป็นสัดส่วนเงินช่วยเหลือของเยอรมนีในแผนกู้วิกฤตยูโรโซนวงเงินรวม 7.50 แสนล้านยูโร (9.25 แสนล้านดอลลาร์)

ก่อนหน้านี้ นางอังเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้เรียกร้องให้รัฐสภาสนับสนุนเงินช่วยเหลือกรีซ พร้อมทั้งชี้ว่า ยุโรปกำลังเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่เงินยูโรตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ขณะเดียวกัน วุฒิสภาสหรัฐยังได้ลงคะแนนเสียงอนุมัติกฎหมายปฏิรูปการเงินในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของการยกเครื่องกฎระเบียบการเงินของสหรัฐ ส่งผลใหนักลงทุนมองเห็นภาพมากขึ้นว่าการปฏิรูปการเงินจะเป็นเช่นไรต่อไป แม้ว่าจะมีข้อกำหนดหลายอย่างที่จำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานในการแก้ไขเมื่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรประชุมร่วมกัน ซึ่งตามกระบวนการทางกฎหมายของสหรัฐนั้น กฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งเข้าที่ประชุมร่วมสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาสหรัฐก่อนที่จะเสนอให้บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย

ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะยกเครื่องระบบการธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงที่สหรัฐจะกลับไปเผชิญกับวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรงเหมือนกับในช่วง Great Recession โดยร่างกฎหมายครอบคลุมถึงการจำกัดขนาดของสถาบันการเงินในกลุ่มที่ถูกระบุว่า "too big to fail" เนื่องจากสถาบันการเงินที่มีขนาดใหญ่เกินไปนั้น เมื่อถึงคราวที่ประสบปัญหาก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ

นอกจากนี้ วานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้เปิดเผยว่า 34 รัฐและดิสทริค ออฟ โคลัมเบีย มีอัตราว่างงานลดลงในเดือนเม.ย. เนื่องจากบริษัทต่างๆเริ่มจ้างคนเพิ่มหลังยอดขายและกำไรฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ มีการเปิดเผยข้อมูลว่า นายจ้างทั่วสหรัฐจ้างพนักงงานเพิ่ม 290,000 คนในเดือนเม.ย. ซึ่งมากที่สุดในรอบสี่ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ