นายวิชัย เบญจพลาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเหลือเงินขาดทุนสะสมอีกกว่า 8 ล้านบาท หลังจากนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นและลดทุนจดทะเบียนชดเชยขาดทุนสะสมส่วนใหญ่กว่า 437.15 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งส่วนที่เหลือน่าจะแก้ปัญหาได้ครบทั้งหมดภายในปีนี้หากรายได้และกำไรของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย และหวังว่าจะสามารถจ่ายปันผลจากผลประกอบการงวดปี 53 ให้กับผู้ถือหุ้นได้
"เป็นความตั้งใจของบริษัทที่จะล้างขาดทุนสะสมให่หมด หลังจากนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมาล้างแล้วเหลือ 8 ล้านบาท ถ้าผลประกอบการเป็นไปตามแผนงานทั้งรายได้และกำไรและสามารถจ่ายปันผลได้บริษัทก็ทำอยู่แล้ว"
เช้าวันนี้ LIVE ระบุว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 41.152 ล้านบาท มาชดเชยผลขาดทุนสะสม ซึ่งจะทำให้ขาดทุนสะสมของบริษัทคงเหลือ 404.10 ล้านบาท และให้ลดทุนจดทะเบียนจำนวน 396 ล้านบาท โดยลดจำนวนหุ้นลงจำนวน 3,960,001,818 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมบางส่วนของบริษัท
นายวิชัย กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 331 ล้านบาท และเชื่อว่าจะพลิกมาเป็นกำไรได้จากปีก่อนที่ขาดทุน 38.5 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1/53 การเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้แล้ว
ขณะที่รายได้ของบริษัทลูกทั้ง 3 ถือว่าเป็นที่น่าใจ หลังจากสามารถขายโฆษณาล่วงหน้าในธุรกิจไตรวิชั่นได้กว่า 60% ของเป้ารายได้ที่ 50 ล้านบาท และมั่นใจว่าปีนี้จะกลับมามีกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุนประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนรายได้ธุรกิจมีเดียเป็นไปตามเป้า และเชื่อว่าจะมีกำไรเช่นเดียวกัน
นายวิชัย กล่าวว่า สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากรายการในเคเบิ้ลทีวี ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอีก 7 ช่องเป็น 15 ช่อง จากเดิมมี 8 ช่อง งบลงทุนต่อช่อง 50 ล้านบาท/ปี โดยตั้งแต่ต้นปีนี้บริษัทเปิดไปแล้ว 2 ช่อง เป็นช่องรายการเด็ก ชื่อ"เบบี้ แชนแนล"และ"คลี๊ก เอเชีย"ซึ่งบริษัทเน้นการให้บริการคอนเทนท์ที่แตกต่างและมีรูปแบบแปลกใหม่ ทำให้ธุรกิจผลิตรายการทางเคเบิ้ลทีวีสามารถสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทโดยปีนี้สัดส่วนรายได้จากทีวีประมาณ 60-70% และรายได้จากธุรกิจมีเดีย 30-40%
ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัทไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อรายการต่อปีนั้น บริษัทใช้เงินจากกระแสเงินสดมาลงทุน ผู้บริหารยังคงย้ำพอร์ตลงทุนมีกำไรแต่หวังแค่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของพอร์ตลงทุนของบริษัทขณะนี้มีประมาณ 100 ล้านบาท ขึ้นอยู่ราคาตลาด โดยที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดยรวมอยู่ในทิศทางขาขึ้นก็ส่งผลดีต่อการลงทุนของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยตั้งแต่ลงทุนมาบริษัทมีกำไรประมาณ 100 ล้านบาท
"วันนี้ตลาดโดยรวมดี หุ้นที่เราลงทุนก็น่าจะดีด้วย เพราะมีทั้งปัจจัยบวกเศรษฐกิจฟื้นตัว Flow ต่างชาติเข้า ผลการลงทุนก็น่าจะออกมาดีด้วย แต่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายจากการลงทุนว่าต้องกี่เปอร์เซ็นต์ เราตั้งใจให้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากก็พอใจแล้ว"นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังคงอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงไม่มีข้อสรุป ซึ่งภายในปีนี้เชื่อว่าจะได้ข้อสรุป หลังจากที่ล่าช้ากว่ากำหนดมาแล้ว เนื่องจากบริษัทต้องการพันธมิตรที่มี Synergy ร่วมกันและส่งเสริมธุรกิจบันเทิงของบริษัท
"เรากำหนดไม่ได้ว่าจะสรุปได้เมื่อไหร่แต่คงไม่ถึงครึ่งปีหลังหรือสิ้นปี เพราะเราก็มีการเจรจามาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ช้าเพราะที่ผ่านมาบางคงที่เข้ามาเจรจาก็ยกเลิก เราก็คุยกับพันธมิตรรายใหม่ที่เข้ามาอีก แต่ปีนี้น่าจะได้เห็นแล้ว"นายวิชัย กล่าว
*ชะลอแผนนำ ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป เข้า mai รอเห็นกำไรปีนี้
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงไม่สามารถนำ บมจ.ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในปีนี้ เนื่องจากผลประกอบการในปี 52 ยังคงขาดทุนประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น จะต้องเร่งสร้างกำไรให้กับไลฟ์ มีเดียฯ ซึ่งในปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วก็เชื่อว่าธุรกิจสื่อจะดีต่อเนื่อง เพราะตั้งแต่ต้นปีบริษัทสามาถขายสื่อล่วงหน้าได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอลุ้นทั้งปีว่าผลประกอบการของไลฟ์ มีเดียฯจะออกมาอย่างไร