นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) กล่าวว่า ในปี 53 มองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ 3.5-4.5% ซึ่งดีกว่าปี 52 ทำให้ธนาคารต้องปรับยุทธศาสตร์ตามสภาพเศรษฐกิจ หลังจากปี 52 ยุทธศาสตร์ของธนาคารจะเน้นการตั้งรับเศรษฐกิจถดถอย โดยเน้นการดูแลลูกค้าอย่างรอบคอบและเน้นการประหยัด
แต่ในปีนี้ธนาคารมีแผนขยายธุรกิจ ทำให้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง Change Program โดยเน้นการขยายสินเชื่อ 3 ด้าน คือ สินเชื่อลูกค้าภาคธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อ SME และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
นายวิชิต มองว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่เงินกู้แต่ต้องการคำแนะนำ เนื่องจากธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น ขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งมีการขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ธนาคารก็จะขยายธุรกรรมทางการเงินสำหรับสาขาในต่างประเทศเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ แต่จะไม่ใช่การเพิ่มสาขา
"บริษัทไทยจะออกไปลงทุนในต่างประเทศถือเป็นการยกระดับ และเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้ขยายขอบข่ายงานสำหรัฐสาขาต่างประเทศ ทั้งฮ่องกงและสิงคโปร์ ที่จะใช้เป็นฐานในการขยายธุรกรรมทางการเงินของธนาคารมากขึ้น" นายวิชิต กล่าว
ส่วนธุรกิจ SME จะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น ยังมองว่าในส่วนของพนักงานเป็นส่วนสำคัญที่จะมีการยกระดับการพัฒนาและเปิดกว้างการทำงาน เน้นการทำงานเป็นทีมมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างอนาคตให้กับธนาคารภายใต้คู่แข่งที่มีความตื่นตัวเช่นกัน
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า ในไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปลายปีก่อน ซึ่งในส่วนของธนาคารยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมาย โดยคงเป้าสินเชื่อเติบโต 7-10% และลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ลงเหลือ 3.9% จากสิ้นปี 52 อยู่ที่ 4.4% ซึ่งการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/53 ยังเป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับการชุมนุมทางการเมืองยังไม่มีผลกระทบต่อธนาคาร โดยการดำเนินธุรกิจยังเป็นไปตามปกติ หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับการโอนเงินในบัญชีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวเข้าไปที่บัญชีของกระทรวงการคลัง ขึ้นกับคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าเนื้อหาของคำพิพากษาได้กล่าวถึงการอายัดบัญชีใด
และการปฏิบัติจะต้องมีคำสั่งศาลมาก่อน หากคำพิพากษาของศาลมีความชัดเจนก็พร้อมปฏฏิบัติตาม แต่หากไม่แน่ใจ ธนาคารคงต้องส่งหนังสือสอบถามเพื่อให้เกิดความกระจ่างก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ และจะรอคอยจนกว่ามีคำสั่งศาลมาถึง ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะให้โอนเงินไปก่อนคงไม่สามารถดำเนินการได้