นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่(GRAMMY)คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/53 จะปรับลดลงไม่มาก แม้ว่าในเดือน พ.ค.รายได้บริษัทจะหายไปค่อนข้างมาก จากเหตุจลาจลในกรุงเทพและการประกาศเคอร์ฟิวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีการเลื่อนการจัดคอนเสิร์ต , เลื่อนการเปิดตัวอัลบั๊มใหม่, พนักงานหยุดงาน 1 สัปดาห์ รวมทั้งไม่สามารถส่งศิลปินไปตามร้านผับบาร์ในช่วงกลางคืนได้
แต่เนื่องจากในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากรายการ"เดอะ สตาร์"เข้ามามากอย่างมีนัยสำคัญ และสูงกว่าปีทีแล้วค่อนข้างมาก ซึ่งสามารถชดเชยรายได้ที่ได้รับผลกระทบในเดือน พ.ค.ได้ และคาดว่าในเดือน มิ.ย.ก็จะกลับมามีรายได้เข้ามา เพราะอาจมีโครงการเยียวยาสังคมของภาครัฐที่ต้องใช้ศิลปินหรือเพลงเข้ามาช่วยสนับสนุน
"ไตรมาส 2 ไม่มั่นใจว่าจะ dorp มากแค่ไหน แต่อาจจะไม่มาก ธุรกิจเรา diversify ไม่ถึงกับแย่ เดือนเม.ย.เรามี เดอะสตาร์ ชดเชยรายได้เดือน พ.ค."นายสุเมธ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีการทบทวนเป้ารายได้ทั้งปี 53 อีกครั้งในเดือนมิ.ย.นี้ แต่คาดว่าจะปรับลดลงไม่มากจากเดิมที่คาดการณ์รายได้เติบโตประมาณ 12-15% ส่วนการปิดตัวอัลบั๊มเพลงและคอนเสิร์ตแม้เลื่อนออกไปก็ตามก็จะกลับมาจัดอยู่ดี เพียงแต่หาช่วงเวลาเหมาะสมในการออกอัลบั้มเพลงหรือจัดคอนเสิร์ต
ส่วนรายการ money channel ซึ่ง GRAMMY ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับทางตลาดหลักทรัพย์นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ออกอากาศ และหลังจากที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ถูกเพลิงไหม้ในชั้นล่าง ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถออกอากาศได้ โดยวันนี้ได้ย้ายเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์มาทำงานที่ตึกแกรมมี่ที่ถนนอโศก และคาดว่าในวันที่ 26 พ.ค.นี้จะออกอากาศได้ ส่วนที่ทำการเดิมคาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ที่จะสามารถเปิดทำการได้
ทั้งนี้ รายได้จาก money channel ยังคิดเป็นสัดส่วนไม่มากในงบรวมของ GRAMMY โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากมีเดียและ ธุรกิจเพลงเป็นหลัก