ตลท.เผย Q1/53 กำไรสุทธิ บจ.ในตลาด SET-mai เพิ่มขึ้น 85%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 24, 2010 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 524 บริษัท หรือ 93% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 562 บริษัท (รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 26 กองทุน) ได้ส่งงบการเงินงวดไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.53 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวม 157,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีกำไรรวม 85,052 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85 %

สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1/53 จำนวน 464 บริษัท (จากทั้งหมด 501 บริษัท)มีกำไรสุทธิรวม 156,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับปี 52 โดยมียอดขายรวม 1,765,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการของบริษัทใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่มีกำไรสุทธิ 51,070 ล้านบาท, 30,224 ล้านบาท และ 23,081 ล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น รวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

"ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ไตรมาส 1 ปี 53 รวม 157,061 ล้านบาท เป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 85% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 52 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 52 คิดเป็น 37% ที่กำไรสุทธิ 114,323 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นรวมทั้งการปรับลดของค่าเงินบาท"นางภัทรียากล่าว

ส่วนบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิ 77,773 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนรวม ลดลง 42% จากปีก่อน โดยมียอดขายลดลง 26% ในขณะที่ต้นทุนขายลดลง 28 % ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 18 % เป็น 20 %

บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ.การบินไทย (THAI) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

นางภัทรียา กล่าวว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) (ที่นำส่งงบการเงินและไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) จำนวนรวม 447 บริษัท มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม รวม 156,339 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 84% โดยผลการดำเนินงาน เรียงลำดับตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้

1. กลุ่มทรัพยากร 26 บริษัท มีกำไรสุทธิ 51,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปี 52,

2.กลุ่มธุรกิจการเงิน รวม 61 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 30,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 27,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 % จากปีก่อน

ส่วนบริษัทในหมวดธุรกิจหลักทรัพย์ มีกำไรสุทธิรวม 321 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 221 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 245 % จากการเพิ่มขึ้นของค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่สืบเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันของไตรมาส1 ปี 53 เพิ่มขึ้นถึง 121 % จากปีก่อน เฉลี่ย 19,563 ล้านบาทต่อวัน จากการไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ของเงินลงทุนจากต่างประเทศ

3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ส่งงบการเงิน 101 บริษัทจาก 115 บริษัท มีกำไรสุทธิ 23,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% จากปี 52 เนื่องจากการขยายตัวของภาคก่อสร้าง การปรับราคาขายและปริมาณการส่งออกของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น , 4. กลุ่มบริการ ประกอบด้วย หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ หมวดบริการเฉพาะกิจ หมวดพาณิชย์ และหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ มีกำไรสุทธิ 22,439 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 46% จากปี 52

5. กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 13,235ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% จากปี 52 และ 6. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร มีกำไรสุทธิ 8,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% จากปี 52


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ