บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า บริษัทสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท/วัน ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่มีการชุมนุมและมีเหตุการณ์ความรุนแรง ต่อเนื่องมาถึงช่วงหลังจากการชมุนุมยุติลงแล้วมีการประกาศใช้เคอร์ฟิว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศหายไป เนื่องจากหลายประเทศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมายังประเทศไทย ส่งผลให้อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ในเดือน พ.ค.หล่นมาเหลือประมาณกว่า 50%
แต่บริษัทยังมีความหวังว่าผลประกอบการไตรมาส 2/53 ไม่น่าจะขาดทุน เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลงมาก และยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นผลจากเงินบาทแข็งค่า ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าดำเนินการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนบริษัท ซึ่งคาดว่าจะทำได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/53
"รายได้หายได้วันละ 100 ล้านบาทตั้งแต่มีเรื่อง และยิ่งมีเคอร์ฟิวทำให้เหนื่อยมากขึ้น ก็พยายมหาวิธีอื่นที่มาช่วย ปกติเรามีรายได้วันละ 500-600 ล้านบาท."นายรัช ตันตนันตา ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ THAI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายรัช กล่าวว่า ในช่วงเดือน พ.ค.ยอมรับว่า Cabin Factor ลดลงอยู่ระดับกว่า 50% แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของท่องเที่ยวอยู่แล้ว หากสถานการณ์ความไม่สงบจบลงได้ภายในช่วงโลว์ซีซั่น หรือภายในเดือน มิ.ย.ก็จะทำให้บริษัทไม่เสียหายมากนัก โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมตัวเลขที่ชัดจนในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/53 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.53 รายได้ก็ยังดีและค่าใช้จ่ายก็ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก รวมทั้งคาดว่าจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากผลของเงินบาทแข็งค่า โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ ได้แก่ ยูโร เยน และ ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 60% ของหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ 1.54 แสนล้านบาท
"ไตรมาส 2 ยังไม่แน่ใจว่าจะมีกำไร หรือขาดทุน แต่ค่าใช้จ่ายเราก็ลดลง ราคาน้ำมันลงแรง บาทแข็งขึ้น"นายรัช กล่าว
นอกจากนี้ การบินไทย ก็ยังเดินหน้ากระบวนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ขั้นตอนการจัดทำเอกสาร และประเมินว่าจะเสนอขายไม่เกินต้นไตรมาส 3/53 ส่วนช่วงเวลาโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศก็ต้องรอที่ปรึกษาทางการเงินกำหนดอีกครั้งหนึ่ง